2012/04/29

タイのテレビドラマ  รักปาฏิหาริย์ 第2話

タイのテレビドラマを見る รักปาฏิหาริย์ 第2話
DVDはタイ料理店 豊春のマリーで購入 シナリオをインターネットから探した


ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 .
       
       ภายในบ้านสรณาลัย พรรณอรเปิดประตูออกมาจากห้องทำงานด้วยท่าทีร่าเริง พรรณอรนั้นมุ่งมั่นกับงานเขียนหนังสืออีกด้วย เธอเป็นนักเขียนนวนิยายแนวฆาตกรรมสืบสวนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ใช้นามปากกาว่า “วรรณกานต์” ไม่เปิดเผยตัวให้เป็นที่รู้จัก แต่มีความสุขกับการพูดคุย กับแฟนคลับผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว
       
       “เสร็จไปอีกหนึ่งบท วันนี้เขียนได้ลื่นไหลดีจริงๆ “
       พรพรรณเดินเข้ามาหา
       “พี่อร ประนอมอยู่ไหนคะ นมลพาขึ้นไปดูห้องพักแล้วก็หายจ้อยไปเลย”
       “ประนอมไหน?”
       “ก็แม่บ้านคนใหม่ของพี่อรไงคะ เป็นคนจ้างเองแท้ๆ ลืมได้ยังไง”
       กันยา คนรับใช้ของบ้านสรณาลัยเดินถือถาดของว่างเข้ามา
       “กันยาๆ ไปตามประนอมมาที” พรพรรณสั่ง
       “ประนอมไหนคะ คุณพร”
       “ก็ประนอม แม่บ้านคนใหม่ยังไงล่ะ นี่ไม่มีใครรู้เลยเหรอว่า ยัยประนอมอยู่ไหน”
       พันธ์นฤสรร์ไถรถ Scooter เข้ามา
       “เค้าไม่อยู่แล้วล่ะ”
       “ไม่อยู่ !! แล้วไปไหน”
       “ไปจ่ายตลาด” พันธ์นฤสรร์บอก
       “ไปจ่ายตลาด ใครเป็นคนสั่ง เพิ่งทำงานวันแรกก็ไว้ใจให้เงินไปจ่ายตลาดแล้วเหรอ นี่มันต้องเชิดเงินหนีไปแล้วแน่ๆ บ้านเราซื้อของเข้าบ้านทีละตั้งห้าหกพัน นี่ถ้ามันไม่กลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง ฉันจะแจ้งตำรวจจับมัน!”
       พรพรรณมีท่าทางเอาจริง
       + + + + + + + + + + + +
       
       ภายในบ้านชุติมันต์ บุรธัชกับณิชมนกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่
       “เธอเป็นใคร เข้ามาที่นี่ทำไม”
       “คุณล่ะเป็นใคร เข้ามาที่นี่ทำไม”
       “เลี่ยงไม่ตอบคำถามอย่างนี้ แสดงว่าเธอต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่ๆ นี่เธอคงรู้ว่า บ้านนี้ไม่มีคนอยู่ คิดจะมาขโมยของล่ะซิ”
       “ฉันไม่ใช่ขโมย ฉันรู้จักกับเจ้าของบ้านหลังนี้ เจ้าของบ้านหลังนี้ชื่อคุณโชติ ชุติมันต์ คุณโชติมีลูกชายคนเดียวชื่อคุณชยทัต ซึ่งแต่งงานกับคุณณัชชา ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณนวลแข สุธาสิน”
       “แล้วยังไง คุณโชคเป็นคนมีชื่อเสียง ใครๆก็รู้จักท่านอยู่แล้ว”
       บุรธัชมองพิจารณาณิชมนตั้งแต่หัวจดเท้า
       “ท่าทางเธอก็ดูไม่เหมือนเป็นขโมย”
       ณิชมนรู้สึกโล่งใจขึ้น
       “แต่ดูเหมือนพวกสิบแปดมงกุฎมากกว่า”
       ณิชมนฉุนกึ๊กทันที
       “พูดโกหกได้คล่องปากอย่างนี้คงหลอกต้มคนมานักต่อนักแล้ว มาที่นี่คิดจะทำอะไร จะมาหลอกลุงแหวงล่ะซิท่า จะบอกให้นะ ถึงลุงแหวงจะเป็นคนเก่าแก่ที่นี่ คุณโชติก็ไม่ได้ทิ้งมรดกอะไรไว้ให้ เบี้ยบำนาญอะไรก็ไม่มี”
       “ฉันไม่ต้องการอะไรจากใครทั้งนั้น ไม่งั้นฉันก็คงบอกลุงเค้าไปแล้วว่า ฉันเป็น..เป็น..”
       “เป็นอะไร?”
       “ฉันจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
       ณิชมนเดินออกไป แต่บุรธัชคว้าแขนเอาไว้แน่น
       “จะไปไหน คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปแน่”
       บุรธัชลากณิชมนออกไปทันที
       + + + + + + + + + + + +
       
       บุรธัชลากณิชมนออกมาจากในบ้าน
       “ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อยยังไงล่ะ”
       ณิชมนดิ้นรนจะหยิบสเปรย์พริกไทยแต่บุรธัชรู้ทันจับมือณิชมนไว้ได้ ณิชมนจะเตะผ่าหมากแต่บุรธัชก็หลบได้ทุกจังหวะ
       “ปล่อยฉัน คุณมีสิทธิ์อะไรมาจับตัวฉันไว้”
       “ก็สิทธิ์ในความเป็นเจ้าของบ้านยังไงล่ะ เธอบุกรุกบ้านฉัน ฉันก็มีสิทธิ์จับตัวเธอส่งตำรวจ”
       “คุณโชติต่างหากที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้”
       “ฉันซื้อบ้านหลังนี้จากคุณโชติแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของบ้านชุติมันต์แล้ว รู้เอาไว้ด้วย”
       ณิชมนหยุดดิ้นรนในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกงุนงง แต่บุรธัชยังจับตัวณิชมนไม่ยอมปล่อย ลุงแสวงวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
       “มีอะไรกันเหรอครับ”
       ณิชมนได้จังหวะสะบัดตัวออกจากบุรธัชมาได้ แต่บุรธัชยังคว้าแขนจับเอาไว้
       “ยัยนี่เป็นพวกสิบแปดมงกุฎ ฉันจะจับส่งตำรวจ ลุงแหวงถูกหลอกให้เซ็นอะไรหรือให้ซื้ออะไรหรือเปล่า พวกนี้ชอบหลอกต้มตุ๋นคนแก่ที่อยู่บ้านคนเดียว ไม่ได้กลัวบาปกรรมอะไรเลย ลุงแหวงถูกหลอกไปเท่าไหร่ล่ะ”
       “คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ คุณคนนี้เป็นคนของอาจารย์ดาวเรืองครับท่านคงทราบข่าวเรื่องที่คุณชายซื้อบ้านหลังนี้แล้ว ก็เลยส่งคนมาช่วยเก็บข้าวเก็บของ”
       บุรธัชมองณิชมนภายในใจรู้สึกไม่เชื่อแม้แต่น้อย
       “งั้นฉันจะโทรถามอาจารย์ดาวเรืองว่า ส่งคนมาจริงหรือเปล่า เธอชื่ออะไร”
       “ฉันชื่อ..ประนอม..ประนอม บุญเสริม”
       บุรธัชหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ แต่ณิชมนรีบตะครุบมือบุรธัชไว้ไม่ให้กดโทรศัพท์ต่อ
       “เดี๋ยวๆ ค่ะ คือ..ฉันเป็นคนของอาจารย์ดาวเรืองก็จริงนะคะ แต่ตอนนี้อาจารย์ส่งฉันไปเป็นแม่บ้านที่บ้านสรณาลัยแล้วค่ะ ถ้าคุณจะสอบถามเรื่องของฉัน โทรไปที่บ้านสรณาลัยดีกว่าค่ะ”
       ณิชมนหายใจทั่วท้องเพราะคิดว่าแก้ปัญหาไปได้แน่ๆ
       “เธอเป็นแม่บ้านของบ้านสรณาลัยเหรอ”
       ณิชมนยิ้มด้วยความมั่นใจ “ค่ะ ฉันเป็นแม่บ้านของบ้านสรณาลัย”
       “พวกสรณาลัยไว้ใจไม่ได้จริงๆ !! มากับฉันเลย !”
       บุรธัชยิ่งโกรธมากขึ้นกระชากพาณิชมนออกไปทันที ณิชมนหน้าเหวอไม่รู้ว่าทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง
       “เดี๋ยวครับ กระเป๋าของคุณเค้าครับ” ลุงแสวงรีบคว้ากระเป๋าเป้ของณิชมนตามบุรธัชไป
       + + + + + + + + + + + +
       
       ที่ชมรมค่ายอาสา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง รวิภาสเดินมาที่โต๊ะหน้าชมรมฯ ซึ่งมีตะกร้าดอกไม้ติดป้าย “ดอกละ 20 ช่วยสร้าง รร.ให้น้อง” วางอยู่ รวิภาสตบไหล่กันต์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค
       “เฮ้ย ไอ้กันต์ ฉันไปเรียนแป๊บเดียว ดอกไม้เหลือแค่นี้เองเหรอวะ”
       กันต์เงยหน้าขึ้นมองดอกไม้ที่เหลือไม่กี่ดอก
       “ก็มีคนสวยๆ มาช่วยขาย มันก็หมดเร็วอย่างนี้แหละ”
       “ใครมาช่วยขาย”
       “ที่จริงเราน่าจะเอาผลิตผลที่ไร่แกมาขายนานแล้วนะ ของฟรีไม่มีต้นทุน กำไรล้วนๆ อย่างนี้ วันสองวันก็ได้เงินตามเป้าแล้ว” กันต์ตอบเลี่ยงๆ
       “ฉันถามว่า ใครมาช่วยขาย”
       กันต์พยักเพยิดให้รวิภาสดูเอาเอง รวิภาสมองตามไปเห็นกลุ่มนักศึกษาชายล้วนกำลังรุมล้อมใครบางคนอยู่ แล้วนักศึกษาชายเหล่านั้นก็ถือดอกไม้ค่อยๆ ทยอยออกมา รวิภาสเห็นว่าเป็นพิมพ์นฤมลกับมีนถือตะกร้ายืนขายดอกไม้อยู่
       “แกอย่าเพิ่งปรี๊ดแตก น้องนมลอยากช่วย ก็ให้เค้าช่วยไป ไม่เห็นเป็นไรเลย”
       รวิภาสผลุนผลันออกไปทันที ทิ้งกันต์ที่รู้สึกหน่ายใจอยู่ที่โต๊ะ รวิภาสรีบเดินไปหาพิมพ์นฤมลกับมีนที่กำลังถือตะกร้าดอกไม้เดินเร่ขายอยู่
       “ช่วยซื้อดอกไม้หน่อยนะคะ ดอกละห้าสิบค่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้เราจะเอาไปช่วยสร้างโรงเรียนให้น้องนะคะ ห้าสิบบาทเองค่า”
       “นมล พี่กันต์ให้ขายดอกละยี่สิบไม่ใช่เหรอ”
       “พี่กันต์ไม่ว่าอะไรหรอกน่า ยิ่งได้เงินเข้าชมรมเยอะเท่าไหร่ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ”
       รวิภาสเดินเข้ามาดึงตะกร้าดอกไม้จากพิมพ์นฤมลไป
       “เธอคิดผิดแล้ว เราต้องการเงินเข้าชมรมก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ได้มาด้วยวิธีขายของเกินราคาเอาเปรียบผู้ซื้ออย่างนี้” รวิภาสพูดเสียงเข้ม “แต่การใช้กลโกงหลอกเอาเงินคนอื่นเป็นวิธีของพวกสรณาลัยอยู่แล้วนี่”
       “นี่นายภาส มันจะเกินไปแล้วนะ อย่างกับพวกบุริศราวัณดีนักแหละพี่ชายนายก็ใช้กลโกงกดราคาที่ดินคนอื่นเค้าเหมือนกัน”พิมพ์นฤมลโต้
       “เดี๋ยว เดี๋ยวนะคะ ตอนนี้เราเริ่มเบี่ยงเบนประเด็นกันไปไกลแล้ว ถ้าหากพี่ภาสไม่อยากให้เราช่วยขายดอกไม้ เราก็จะไม่ยุ่งแล้วล่ะค่ะ” มีนไกล่เกลี่ย
       “ไม่ใช่เฉพาะเรื่องขายดอกไม้นี่ เรื่องอื่นก็ไม่ต้องมายุ่ง ฉันไม่ต้องการคุณหนูไฮโซสมองกลวงอย่างเธอมายุ่งวุ่นวายกับชมรมของฉัน”
       “นายรวิภาส ! นึกว่าตัวเองฉลาดล้ำลึกกว่าคนทั้งโลกหรือยังไง มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินฉัน ถ้านายให้โอกาสฉัน นายก็จะรู้ว่า ฉันทั้งเก่งทั้งฉลาดทำงานอึดไม่แพ้นายหรอก แต่นายมีอคติกับฉัน นายถึงไม่ยอมให้ฉันเข้าชมรมของนาย มีอุดมการณ์แต่ไม่มีจริยธรรม คนอย่างนายไม่สมควรจะเป็นหัวหน้าชมรมเลย !”
       พิมพ์นฤมลเดินผละไป มีนถือตะกร้ายืนกระอักกระอ่วนใจอยู่ สักพักพิมพ์นฤมลเดินกลับมาดึงตะกร้าจากมีนโยนใส่รวิภาสแล้วลากมีนออกไปด้วยกัน
       + + + + + + + + + + + +
       
       ที่คณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พิมพ์นฤมลกับมีนเดินกลับมาที่คณะ โดยที่พิมพ์นฤมลมีท่าทีหงุดหงิดโมโหอย่างมาก
       “นมล เลิกคิดที่จะเข้าชมรมพี่ภาสเถอะ ฉันเบื่อที่จะเป็นกรรมการห้ามมวยเต็มทนแล้ว ชมรมอื่นก็มีเยอะแยะไป”
       “ชมรมค่ายอาสาไม่ใช่เป็นชมรมของนายภาสคนเดียว ฉันจะไม่ยอมแพ้จอมเผด็จการอย่างนายคนนี้หรอก ฉันจะต้องต่อสู้ต่อไปเพื่อความยุติธรรมต่อไป”
       “สู้ไปก็เหนื่อยเปล่าน่า เราไปเข้าชมรมเชียร์กันดีกว่า”
       “ฉันไม่ชอบ”
       “ชมรมละครล่ะ”
       “ฉันไม่อิน”
       “งั้นก็ชมรมโต้วาที”
       “ไม่ใช่ทาง ไม่ต้องมาหว่านล้อมฉันเลย มีน ยังไงฉันก็จะต้องเข้าชมรมค่ายอาสาให้ได้”
       “ฉันว่าแกตั้งชมรมขึ้นมาใหม่จะง่ายกว่านะ แกไม่มีทางผ่านด่านพี่ภาสไปได้แน่ๆ ว่าแต่บ้านแกกับบ้านพี่ภาสมีเรื่องอะไรกันเหรอ ดูเหมือนว่าพี่ภาสจะไม่ได้เกลียดขี้หน้าแกคนเดียว แต่เกลียดแกทั้งตระกูลเลย”
       “เรื่องมันจบไปนานแล้ว เรื่องจบ แต่คนไม่จบ มันก็เลยเป็นปัญหาอย่างที่เห็นนี่แหละ”
       “ตอบได้เคลียร์จริงๆ ฉันเข้าใจได้ทะลุปรุโปร่งเลย”
       มีนพูดประชด แต่พิมพ์นฤมลไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้
       + + + + + + + + + + + +
       
       ณ บ้านสรณาลัย บุรธัชลากณิชมนเข้ามาด้านใน ณิชมนขัดขืนสุดฤทธิ์ไม่ยอมเข้าไป
       “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม นี่มันเป็นเรื่องระหว่างคุณกับฉันสองคน ทำไมต้องดึงคนอื่นเข้ามายุ่งด้วย ไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
       พรรณอรกับพรพรรณได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงพากันออกมาดู
       “นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมประนอมกลับมากับคุณชายล่ะ” พรรณอรถาม
       “พรนึกแล้วเชียว ประนอมเป็นคนของคุณชายจริงๆ นี่คุณชายส่งแม่นี่มาสอดแนมเราใช่มั้ย”
       “พวกคุณต่างหากที่ส่งผู้หญิงคนนี้ไปสอดแนมผม ผมอยากรู้ว่า พวกคุณต้องการอะไร พินัยกรรมของคุณโชติก็บอกอย่างชัดเจนแล้วว่า ท่านขายบ้านให้ผมคนเดียวเท่านั้น จะบอกให้นะ ไม่ว่าจะใช้เล่ห์กลอะไร ทรัพย์สินทุกอย่างของชุติมันต์จะต้องเป็นของผม”
       ณิชมนมองหน้าบุรธัชภายในใจรู้สึกว่าบุรธัชโลภมากจนเกินไป
       “พวกฉันไม่เคยสนใจทรัพย์สินของคุณโชติ ตอนที่คุณโชติประกาศขายไร่ขายโรงงาน เราก็ไม่เคยคิดไปแย่งซื้อกับคุณชายเลย แล้วถ้าฉันจะส่งคนไปสอดแนมจริงๆนะ ฉันไม่ส่งแม่บ้านโง่ๆเซ่อๆ อย่างประนอมไปหรอกค่ะ”
       ณิชมนหันไปมองหน้าพรพรรณที่เพิ่งพูดจบไป เธอคิดจะค้านแต่ก็พยายามปิดปากไว้
       “งั้นแสดงว่าคุณคิดจะส่งคนไปสอดแนมจริงๆ”
       “อ้าว พูดอะไรก็เข้าตัวไปหมด พี่อรช่วยพูดกับคุณชายหน่อยซิคะ”
       “คุณชายเข้าใจผิดค่ะ ขอบคุณที่พาประนอมมาส่งนะคะ ได้เวลาโยคะพอดี ขอตัวก่อนนะคะ”
       พรรณอรตัดบทแล้วเดินหนีไปเหมือนไม่ขอรับรู้อะไรด้วย
       “พี่อร ! “ พรพรรณหันไปพูดกับบุรธัช “อย่างที่พี่อรบอกแหละค่ะ คุณชายกำลังเข้าใจผิดทั้งเข้าใจผิดเรื่องประนอม แล้วก็เข้าใจผิดเรื่องพี่นฤสรณ์กับท่านพ่อของคุณ น่าจะถึงเวลาแล้วนะคะที่เราจะมาปรับความเข้าใจกัน”
       “ผมไม่มีเวลาฟังใครแก้ตัวหรอกครับ คราวนี้ผมจะไม่เอาเรื่อง ถ้าคราวหน้าคุณส่งคนไปบุกรุกที่ของผมอีก ผมไม่ไว้หน้าแน่”
       บุรธัชเดินออกไป
       “ประนอม เรามีเรื่องต้องคุยกันแล้ว”
       “ขอเวลาแป๊บนึงนะคะ แป๊บเดียวจริงๆ ค่ะ”
       ณิชมนรีบวิ่งแจ้นตามบุรธัชไป บุรธัชเดินมาถึงที่รถ แต่ณิชมนวิ่งตามมาจนทัน
       “คุณคะ คุณ อย่าเพิ่งไปค่ะ”
       ณิชมนวิ่งไปดักหน้าบุรธัช
       “คุณซื้อบ้านของคุณโชติไปแล้วจริงๆ เหรอคะ ลุง..เออ..ลุงแหวงบอกว่าคุณโชติเก็บบ้านชุติมันต์ไว้ให้ลูกชายของท่านนี่คะ แล้วท่านจะขายบ้านให้คุณได้ยังไง”
       “เธอจะถามทำไม เรื่องบ้านชุติมันต์เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย”
       “ก็..ก็ฉันอยากรู้”
       “ถ้าอยากได้ข้อมูลไปเอาหน้ากับเจ้านาย ก็ไปสืบหาเอาเอง ฉันไม่จำเป็นจะต้องมาตอบคำถามเธอ”
       บุรธัชเดินหลบ แต่ณิชมนยังเดินตามตื๊อต่อ
       “แล้วคุณจะทำยังไงกับบ้านชุติมันต์คะ คุณคงจะเก็บไว้ใช่มั้ยคะ คงไม่ขายต่อใครใช่มั้ย บ้านโบราณสวยๆแบบนั้นน่าจะอนุรักษ์ไว้นะคะทำเป็นมิวเซียมหรือดัดแปลงเป็นโรงแรมก็ได้ ปราสาทสวยๆในอังกฤษก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น”
       “เธอคิดว่า เธอเป็นใคร”
       “ฉันก็แค่อยากจะแนะนำเท่านั้น”
       “ฉันไม่ต้องการคำแนะนำของเธอ ไปบอกคุณพรรณอรด้วย ถ้าต้องการอะไรก็ให้มาพูดกันซึ่งๆ หน้า ไม่ใช่ส่งคนใช้มาพูดแทน ลืมไปว่าคนบ้านนี้ทำอะไรตรงไปตรงมาไม่เป็นอยู่แล้ว แล้วเธอ ! หวังว่าฉันคงไม่เห็นหน้าเธออีก !”
       บุรธัชขึ้นรถแล้วขับออกไป ณิชมนนึกขึ้นได้รีบวิ่งตาม
       “เดี๋ยวค่ะ กระเป๋าของฉัน กระเป๋า !!”
       บุรธัชจอดรถ ณิชมนดีใจคิดว่าบุรธัชจะให้ไปรับกระเป๋าของเธอ แต่เขาเปิดประตูรถเหวี่ยงกระเป๋าของเธอออกมาอย่างไม่ไยดี แล้วก็ขับรถออกไปทันที ณิชมนวิ่งไปคว้ากระเป๋าขึ้นมา
       “คนอะไร ! ใจดำจริงๆ !”
       ณิชมนโกรธฮึดฮัด
       + + + + + + + + + + + +
       
       ภายในบ้านสรณาลัย พรพรรณกำลังจ้องมองณิชมนอย่างจับผิด
       “ไหนอธิบายมาซิ ประนอม เธอไปบ้านชุติมันต์ทำไม”
       ณิชมนซึ่งนั่งอยู่ที่พื้นกระสับกระส่ายพยายามคิดหาข้อแก้ตัว
       “เออ..คือว่า..คือว่านอมไปเยี่ยมลุงแหวงค่ะ แม่ของนอมเป็นเพื่อนกับลุงแหวงน่ะค่ะ แม่ฝากปลาร้ามาให้ นอมก็เลยต้องรีบเอาไปให้ลุงเค้ากลัวมันจะเน่าเสียก่อน”
       “เธอคิดว่า ตัวเองเป็นใครไม่ทราบ คิดจะไปไหนก็ไปโดยไม่ขออนุญาตกันก่อน มาถึงวันแรกก็หาเรื่องปวดหัวมาให้ฉันแล้ว แล้วต่อไปไม่รู้จะก่อปัญหาอะไรอีก” ขณะที่กำลังบ่นจู่ๆ พรพรรณก็นึกขึ้นมาได้ “แล้วปลาร้าเก็บได้เป็นปีๆ เน่าง่ายๆซะที่ไหน”
       “นอมขอโทษนะคะ คุณพร นอมทำไปโดยไม่ทันคิดจริงๆนึกว่าแวะหาลุงแหวงแป๊บเดียวแล้วก็ไปจ่ายตลาดต่อ พอดีไปเจอคุณผู้ชายคนนั้นซะก่อน ก็เลยเป็นเรื่อง”
       “ฉันกลัวแต่ว่า ถ้าเธอไม่ได้เจอคุณชายบุรธัชเข้าซะก่อน เธอคงจะเชิดเงินฉันหนีไปแล้ว เอาบัตรประชาชนมา”
       “อะไรนะคะ”
       “ฉันบอกว่า เอาบัตรประชาชนมา ฉันจะต้องยึดบัตรประชาชนเธอไว้เป็นประกัน เร็วเข้าซิ รีรออะไรอยู่ล่ะ”
       “นอมไม่มีบัตรประชาชนหรอกค่ะ คือว่า..นอมถูกกรีดกระเป๋าน่ะค่ะนี่ยังไงล่ะคะ”
       ณิชมนโชว์กระเป๋าสะพายให้ดูเป็นหลักฐานว่ามีรอยกรีดกระเป๋าซึ่งถูกแปะด้วยเทปใสอยู่จริงๆ
       “มันขโมยกระเป๋าตังค์นอมไปค่ะ ทั้งเงินทั้งบัตรประชาชนบัตรอะไรต่อมิอะไรอยู่ในนั้นหมดเลยค่ะ”
       “เฮ้อ ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนี่ ถึงเธอจะเป็นคนของอาจารย์ดาวเรืองฉันก็ยังวางใจไม่ได้”
       พรพรรณเหลือบไปเห็นซองเงินกับกระดาษโน้ตของณิชมนจึงหยิบซองเงินมาดู
       “เออ..เงินที่คุณนมลให้นอมไปจ่ายตลาดค่ะ นอมหยิบไปพันนึงนะคะ กะว่าจะไปเซอร์เวย์ เอ๊ย ไปดูตลาดก่อน พอให้รู้จักที่ทางแล้วค่อยไปใหม่วันหลัง” ณิชมนบอกพรพรรณ
       พรพรรณรู้สึกดีกับณิชมนขึ้นมาหน่อยที่ไม่ได้เอาเงินไปทั้งหมด
       “แล้วนี่อะไร”
       พรพรรณเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมา ณิชมนตกใจตาเหลือก
       “ลายมือไก่เขี่ยอย่างนี้ ลายมือใครเนี่ย”
       พรพรรณพยายามอ่านกระดาษโน้ตแต่มองไม่ชัด จึงหันไปหยิบแว่นสายตายาวมาใส่ แล้วเริ่มอ่านใหม่
       “ขอ..ยืม..เงิน..”
       พันธ์นฤสรร์ เข้ามาฉกกระดาษโน้ตจากมือพรพรรณไปอย่างรวดเร็ว
       “พันสร ! ทำไมทำอย่างนี้ล่ะ เสียมารยาทจริงๆ “
       “ขอผมเอาไปพับจรวดนะ”
       พันธ์นฤสรร์ วิ่งปรู๊ดออกไป
       “เด็กคนนี้มันน่าตีจริงๆ เลย”
       พรพรรณหันไปมองณิชมนอย่างยอมจำนน
       “ฉันจะบอกให้นะ การเป็นแม่บ้านของบ้านสรณาลัยไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันจะดูซิว่า เธอจะทำงานที่นี่ไปได้ซักกี่น้ำ”
       “คุณยอมรับนอมเป็นแม่บ้านแล้วใช่มั้ยคะ”
       พรพรรณพยักหน้าให้อย่างเสียไม่ได้
       + + + + + + + + + + + +
       
       ภายในห้องครัวของบ้านสรณาลัย รำไพ กันยา สายใจและดำเกิงยืนเรียงแถวรออยู่ พรพรรณพาณิชมนเดินเข้ามา
       “นี่ประนอม แม่บ้านคนใหม่”พรพรรณแนะนำ
       ทุกคนในแถวจับตามองณิชมนอย่างสนใจ
       “แล้วนี่รำไพเป็นแม่ครัวของบ้านนี้ ส่วนกันยากับสายใจมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดบ้านรวมทั้งซักรีดเสื้อผ้า แล้วก็ดำเกิง คนขับรถ เธอคงจะรู้จักแล้ว”
       ณิชมนยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม ทุกคนยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน
       “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ มีอะไรก็ช่วยแนะนำด้วยค่ะ”
       “หน้าที่หลักของเธอก็คือ ควบคุมดูแลการทำงานของทุกคน อย่าให้มีอะไรขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด”
       ชัยวัฒน์เดินเข้ามาแล้วรี่เข้าไปหาณิชมนทันที
       “คุณคงเป็นแม่บ้านคนใหม่ใช่มั้ยครับ ผมชัยวัฒน์ครับ ผมเป็นครูของคุณพันสร ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยล่ะก็ บอกได้เลยนะครับ”
       “ทำงานของตัวเองให้ดีซะก่อน แล้วค่อยคิดช่วยงานคนอื่น ไป ประนอมเดี๋ยวฉันจะแจกแจงรายละเอียดให้ว่า นอกเหนือจากงานหลักแล้ว เธอยังต้องทำอะไรอีกบ้าง”
       พรพรรณเดินออกไป ณิชมนรีบเดินตาม ชัยวัฒน์มองตามแล้วผิวปากวี๊ดวิ๊ว
       “คนนี้ใช่เลย ตรงสเป๊คจริงๆ”
       ชัยวัฒน์รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที
       + + + + + + + + + + + +
       
       ณิชมนเดินก้มหน้าก้มตาอ่านสมุดบันทึกในมือ
       “เราต้องทำอะไรบ้างเนี่ย..”คิดรายการอาหารสามมื้อให้แม่ครัว ควบคุมดูแลการทำความสะอาดบ้าน ตรวจตราข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านเมื่อมีอะไรชำรุดเสียหายต้องส่งซ่อมทันที” เดี๋ยวนะ ตกลงเราต้องเป็นแม่บ้านที่นี่จริงๆ เหรอ”
       ณิชมนหย่อนก้นนั่งแปะลงข้างทาง
       “ไม่ทำงานที่นี่แล้วจะไปไหนได้ล่ะ เงินก็ไม่มีซักบาท”
       จรวดกระดาษร่อนมาตกที่พื้นใกล้ตัว ณิชมนก้มลงมองเห็นชื่อ ณิชมน ชุติมันต์อยู่บนจรวดกระดาษ ณิชมนรีบหยิบขึ้นมาทันที โพันธ์นฤสรร์โฉบมาฉกจรวดกระดาษจากมือณิชมนไป
       “คุณพันสร คืนให้นอมเถอะนะคะ”
       พันธ์นฤสรร์เหล่มอง เมื่อเห็นณิชมนร้อนรนยิ่งอยากแกล้ง พันธ์นฤสรร์คลี่กระดาษออกมาทำเหมือนอ่านได้
       “อย่าอ่านค่ะ อย่า ขอคืนเถอะนะคะ”
       “คืนง่ายๆ ได้ไง มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
       “นอมไม่มีอะไรจะแลกหรอกค่ะ เอาอย่างนี้คุณพันสรจะให้นอมทำอะไร นอมทำได้ทั้งนั้น”
       “พาฉันออกไปขี่ม้าที่ไร่ แล้วจะคืนให้”
       “นอมจะพาไปได้ยังไงคะ ไร่อยู่ที่ไหน นอมก็ไม่รู้จัก แล้วคุณพรคงไม่อนุญาตแน่ๆ ให้นอมทำอย่างอื่นให้ดีกว่านะคะ”
       “ตกลงจะไม่พาไปใช่มั้ย”
       พันธ์นฤสรร์ จ้องกระดาษในมือแล้วพยายามอ่าน
       “ขะ..ขอ..”
       “ที่แท้ก็ยังอ่านหนังสือไม่ออก” ณิชมนขำ
       “ถึงฉันจะอ่านไม่ออก ฉันให้คนอื่นอ่านให้ก็ได้ เอาไปให้น้าพรอ่านดีกว่า”
       “อย่านะคะ !! “
       ณิชมนรีบแย่งกระดาษจากพันธ์นฤสรร์ แล้วยัดใส่ปากกลืนเข้าไปอย่างยากเย็น
       “แค่ล้อเล่น จริงจังไปได้ ใครจะไปสนเรื่องของเธอ”
       พันธ์นฤสรร์ เดินจากไป ณิชมนมองตาม เธอตบอกป๊าบๆ เพราะกระดาษยังจุกอกอยู่
       + + + + + + + + + + + +
       
       ณ ไร่บุริศราวัณ บุรธัชเดินเข้ามาในแปลงทดลอง มีสีหน้าเครียดที่ไม่เห็นรวิภาส ทันใดนั้นเองรวิภาสโผล่ขึ้นมาจากการนั่งยองๆ อยู่ที่กลางแปลงทดลอง บุรธัชยิ้มพอใจที่เห็นรวิภาส จับตามองรวิภาสที่จดบันทึกอย่างตั้งใจ รวิภาสหันมามองบุรธัช
       “นึกว่าจะเบี้ยวงานซะแล้ว”
       “ก็กะว่าจะเบี้ยวอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้สิ้นเดือน ค่าแรงออกพอดี”
       “นี่ถ้าแกไม่ได้เงิน แกคงไม่คิดจะมาช่วยงานที่ไร่เลยใช่มั้ย”
       “ทำงานถ้าไม่ได้ผลตอบแทน จะทำไปทำไมล่ะครับ ช่วงนี้ผมมีเรื่องต้องใช้เงินเยอะซะด้วย ขอเบิกค่าแรงล่วงหน้าซักสองเดือนได้มั้ยครับ”
       “ไม่ได้ ! เดือนนี้แกโดดงานไปกี่ครั้งแล้ว เมื่อไหร่แกจะรู้จักรับผิดชอบซักทีถ้าหากแกไม่เรียนต่อล่ะก็ จบมหาวิทยาลัยแล้วก็มาทำงานที่ไร่นี่ก็แล้วกัน”
       “ผมไม่ทำ ถ้าพี่ธัชทำคนเดียวไม่ไหว ก็ขายไร่บุริศราวัณไปซิครับ ถ้าหากท่านพ่อไม่ตาย พี่ธัชก็ไม่คงไม่กลับเมืองไทยใช่มั้ยล่ะ แล้วจะมาสนใจอะไรกับไร่บ้าๆ นี่ทำไม”
       “ฉันไม่มีวันขายไร่บุริศราวัณแน่ ฉันจะสร้างอาณาจักรบุริศราวัณให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำ แล้วแกก็มีหน้าที่ที่จะต้องช่วยฉัน”
       “พี่ธัชทำอย่างนี้เพื่ออะไร เพื่อที่จะเอาชนะพวกสรณาลัยงั้นเหรอครับ”
       “ฉันไม่ใช่แค่ต้องการเอาชนะ ฉันจะทำให้พวกสรณาลัยล่มจมเหมือนกับที่พวกมันเคยทำกับเรา แกก็รู้ว่า เราเคยสูญเสียทุกอย่างเพราะใคร ถ้าแกยังมีจิตสำนึกหลงเหลืออยู่บ้าง แกคงรู้ว่าหน้าที่ของแกต้องทำอะไร”
       บุรธัชเดินออกไปสวนทางกับณิชาภัทรที่เดินเข้ามา
       “ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”
       “พี่ณิชาครับ ท่านพ่อตายเพราะพวกสรณาลัยจริงๆ เหรอครับ”
       รวิภาสมองณิชาภัทรเหมือนรอคำตอบ
       
       อ่านต่อหน้าที่ 2

0 件のコメント:

コメントを投稿