2012/04/29

タイテレビドラマ รักปาฏิหาริย์ 第3話




タイのテレビドラマを見る รักปาฏิหาริย์ 第2話
DVDはタイ料理店 豊春のマリーで購入 シナリオをインターネットから探した





ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
       ตอนที่ 3
       ณิชมนยืนตกใจด้วยความรู้สึกช็อคสุดขีด พอได้สติก็เช็คตัวเองว่ายังไม่ถูกยิงตาย บุรธัชลดปืนลง แล้วค่อยๆ เดินตรงไปที่ณิชมน   ニッチャモンはびっくりして立っている。
       “อย่า..อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ คุณ ฉันไม่ได้ตั้งใจบุกรุกจริงๆ คุณจะทำอะไรก็คิดดูให้ดีซะก่อน ฆ่าคนตายติดคุกตลอดชีวิตเลยนะ อย่าทำลายอนาคตตัวเองเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แม่ฉันเคยสอนไว้ว่าถ้าโกรธใครมากๆ ให้กำหนดลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..หายใจออก”
       “พูดพอหรือยัง”
       บุรธัชก้มลงเอาไม้เขี่ยซากงูเห่าที่เพิ่งถูกยิงตายไปหมาดๆ ณิชมนมองตามแล้วก็เพิ่งเข้าใจ
       “คุณ..คุณตั้งใจจะยิงงูหรอกเหรอ คุณช่วยชีวิตฉัน ขอบคุณนะคะ”
       “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะช่วยหรอกนะ แค่ไม่อยากให้มีใครถูกงูกัดตายในไร่ของฉันเท่านั้นแหละ ไม่อยากเสียเวลามาเก็บศพ”
       “ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณคุณ แล้วที่คุณเคยกล่าวหาว่าฉันเป็นพวกต้มตุ๋น ฉันก็จะยกโทษให้ เป็นอันว่าเราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ !”
       ณิชมนฉุนกึก รีบเดินออกไปทันที
       “เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป อย่าคิดว่า เรื่องจะจบง่ายๆ !”
       บุรธัชรีบตามณิชมนไป
       + + + + + + + + + + + + + + +
       รวิภาสเดินข้ามเขตเข้ามาที่ไร่บุริศราวัณ โดยมีพิมพ์นฤมลเดินตามมาติดๆ
       “เสียงปืนดังมาจากทางไร่ของนายใช่มั้ย”
       “จะตามมาทำไม อยากตายหรือยังไง”
       “ก็ฉันเป็นห่วง..” พิมพ์นฤมลหลุดปาก
       “ห่วงใคร?”
       “ฉันก็ห่วงพันสรกับพี่นอมน่ะซิ หายไปไหนก็ไม่รู้ ไม่รู้เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า นายคิดว่า ใครเป็นคนยิงปืนน่ะ”
       “ฉันจะไปรู้เหรอ อยากตามมาก็ตามใจ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฉันไม่รับผิดชอบนะ แล้วไปชะเง้อมองอะไร เดี๋ยวก็ได้โดนส่องเข้าให้หรอก”
       รวิภาสรีบไปลากใพิมพ์นฤมลห้มาหลบหลังต้นไม้
       “อยู่ข้างหลังฉันไว้ เข้าใจมั้ย”
       รวิภาสลืมตัวจับมือพิมพ์นฤมลให้เดินตามๆ ไป เขาหันมามองเห็นพิมพ์นฤมลทำหน้าแปลกๆ เหมือนอยากยิ้มแต่ไม่กล้าแสดงออก รวิภาสเพิ่งรู้ตัวว่าจับมือเธออยู่จึงรีบปล่อยมือแล้วเดินไป
       “รอด้วยซิ !”
       พิมพ์นฤมลรีบเดินตามหลังรวิภาสไปติดๆ
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       อีกด้านหนึ่ง ณิชมนเดินจ้ำอ้าวหนีออกมา บุรธัชตามมาคว้าแขนเธอไว้ได้ทัน
       “เธอจะหนีไปไหน เรายังพูดกันไม่รู้เรื่อง”
       “เราพูดกันจบแล้ว ฉันบอกคุณแล้วว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจจะบุกรุกเข้ามาในไร่ของคุณ คุณไม่เคยได้ยินหรือยังไง คนไม่รู้ย่อมไม่ผิดน่ะ”
       “แต่ฉันคิดว่า เธอตั้งใจที่จะเข้ามาในไร่ของฉัน บอกฉันมา คุณพรรณอรให้เธอมาที่นี่ เค้าต้องการอะไร?”
       “นี่ฉันจะต้องทำยังไง คุณถึงจะเชื่อว่า ฉันไม่ได้เข้ามาแอบล้วงความลับอะไรของคุณ คุณนี่พารานอยด์เข้าขั้นโรคจิตแล้วนะเนี่ย”
       “เธอจะให้ฉันเชื่อเหรอว่า ที่ฉันไปไหนก็เจอเธอ เป็นเรื่องบังเอิญ”
       “ถ้าคุณไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ก็คิดซะว่า เป็นเรื่องโชคร้ายแล้วกันแต่จะบอกให้นะ ในชีวิตฉันโชคร้ายเจอคนแย่ๆมานักต่อนักแล้ว แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่แย่เท่าคุณมาก่อนเลย คนอะไรไม่มีเหตุผล เจ้าอารมณ์ มองโลกในแง่ร้ายสุดๆ คนอย่างคุณคงมองโลกเป็นสีดำ ถึงได้...”
       ณิชมนเดินสะดุดขาตัวเองจนล้มขมำหัวทิ่มพื้น บุรธัชยืนมองเฉยไม่คิดแม้แต่จะช่วยคว้าไว้เลยแม้แต่น้อย
       “ถึงได้อะไร?”
       “ถึงได้เป็นคนใจร้ายใจดำอย่างนี้ยังไงล่ะ !”
       ณิชมนตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับบุรธัช
       รวิภาสกับพิมพ์นฤมลเดินเข้ามาพอดี
       “พี่นอม !”
       “คุณนมล” ณิชมนเรียกด้วยความดีใจ
       ณิชมนเห็นรวิภาสแล้วนึกได้รีบไปหานมลคว้ามือลากตัวไป
       “ดีใจจริงๆ ที่คุณนมลตามนอมเจอ เรากลับกันเถอะค่ะ”
       ณิชมนลากพิมพ์นฤมลออกไปพลางก้มหน้าก้มตาหลบรวิภาส รวิภาสไม่ทันได้เห็นหน้าณิชมนชัดๆ
       “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ พี่ธัช”
       “ไม่มีอะไร แค่ลูกไม้กระจอกๆของพวกบ้านสรณาลัย แล้วแกมากับลูกสาวคุณพรรณอรได้ยังไง”
       บุรธัชมองรวิภาสอย่างจับผิด
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       ที่โครงการเทพสุธา ณิชมนกับพิมพ์นฤมลเดินกลับมาที่รถจอดอยู่
       “พี่นอมไปเจอคุณชายบุรธัชได้ยังไง แล้วนมลได้ยินเสียงปืนด้วย เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ “
       “เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะค่ะ เดี๋ยวนอมจะเล่าให้ฟังนะคะ เราตามหาคุณพันสรก่อนดีกว่า ไม่รู้หลงทางไปไหน ถ้าตามหาตัวไม่เจอล่ะก็นอมแย่แน่ๆ เลย”
       “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พันสรรู้จักทุกซอกทุกมุมของที่นี่ หลับตาเดินยังได้เลยค่ะ เดี๋ยวพอเล่นจนหมดแรงก็กลับมาเองแหละค่ะ นั่น เห็นมั้ย กลับมาแล้ว”
       ณิชมนหันไปมองเห็นพันธ์นฤสรร์ วิ่งหน้าตั้งเข้ามา
       “ไง ไปเที่ยวไร่บุศราวัณสนุกมั้ย” พันธ์นฤสรร์พูดกับณิชมน
       “พันสร ! นี่เธอหลอกให้พี่นอมเข้าไปในไร่บุศราวัณเหรอ เธออาจจะทำให้พี่นอมตายได้เลยนะ”
       “อยากเชื่อคนง่ายเอง ช่วยไม่ได้”
       พันธ์นฤสรร์ ขึ้นรถไปอย่างไม่สนใจ
       “พันสร ! ขอโทษพี่นอมเดี๋ยวนี้เลยนะ”
       “ช่างเถอะค่ะ คุณนมล คุณพันสรคงไม่ได้ตั้งใจแกล้งนอมหรอกค่ะ”
       ณิชมนมองพันธ์นฤสรร์ที่ทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่บนรถ
       + + + + + + + + + + + + + + +
       ที่ไร่บุริศราวัณ บุรธัชกับรวิภาสเดินกลับออกมาด้วยกัน
       “นายภาส แกยังไม่บอกฉันเลยว่า แกไปเจอกับลูกสาวคุณพรรณอรได้ยังไง ทำไมถึงมาด้วยกันได้”
       “ผมบังเอิญไปเจอนมลที่เทพสุธา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เราไม่ได้นัดเจอกัน ผมไม่มีวันไปยุ่งเกี่ยวกับคนบ้านสรณาลัยแน่”
       “ก็ยังดีที่แกยังรู้จักคิด”
       “ผมถามหน่อยเถอะ พี่ธัช เราจะต้องเป็นศัตรูกับพวกบ้านสรณาลัยไปถึงเมื่อไหร่”
       “ก็จนกว่าพวกบ้านสรณาลัยจะได้รับผลกรรมน่ะซิ”
       “แล้วพี่ธัชแน่ใจเหรอครับว่า ท่านพ่อถูกคุณอานฤสรณ์โกงจริงๆ เราไม่มีหลักฐานอะไรเลย เราอาจจะปรักปรำคนผิดอยู่ก็ได้”
       “อยู่ๆ ทรัพย์สินทุกอย่างทั้งไร่บุริศราวัณทั้งโรงงานก็ถูกโอนไปเป็นของคุณชายนฤสรณ์ หลักฐานการซื้อขายก็ไม่มี ฉันถามคุณพรรณอรไม่รู้กี่ครั้ง ก็บ่ายเบี่ยงไปมา อย่างนี้ถ้าไม่เรียกว่าโกง แล้วจะเรียกว่าอะไร แกคิดอะไรอยู่ ถึงได้ถามฉันอย่างนี้”
       “ผมแค่กลัวว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด เราอาจจะเสียโอกาสดีๆ ไป”
       รวิภาสนึกถึงโอกาสที่จะได้เป็นเพื่อนหรือเป็นมากกว่าเพื่อนกับพิมพ์นฤมล
       “โอกาสดีๆ ของแก หมายความว่ายังไง”
       “ก็..โอกาสดีๆ ที่จะได้มีเพื่อนบ้านดีๆ ยังไงล่ะครับ”
       รวิภาสเดินหนีไปอย่างมีพิรุธ บุรธัชมองรวิภาสอย่างแคลงใจ
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       ณ บ้านสรณาลัย รถของพิมพ์นฤมลแล่นมาจอดหน้าบ้าน พันธ์นฤสรร์ รีบกระโดดลงจากรถวิ่งหนีเข้าบ้าน พิมพ์นฤมลลงมาตะครุบตัวน้องไว้ไม่ทัน
       “พันสร ! เรื่องเอาตัวรอดนี่เก่งนักเชียว”
       ณิชมนลงจากรถมายืนมองพันธ์นฤสรร์
       “พี่นอมคะ ถ้าพันสรแกล้งอะไรพี่นอมอีก ต้องบอกนมลนะคะ นมลจะทำโทษน้องให้เอง”
       “คุณพันสรก็เล่นสนุกไปตามประสาเด็ก นอมไม่ถือหรอกค่ะ แล้วคุณเจ้าของไร่คนนั้น ทำไมดุนักล่ะคะ แค่เหยียบเข้าไปในไร่ของเค้านิดเดียว ทำท่าเหมือนกับว่านอมเข้าไปวางระเบิดไร่เค้างั้นแหละ”
       “คุณชายบุรธัชเหรอคะ เค้าเห็นคนบ้านสรณาลัยเป็นศัตรูของเค้าทุกคนแหละค่ะ”
       “แล้วผู้ชายที่อยู่กับคุณนมลล่ะคะ เป็นใคร”
       “นายรวิภาสเป็นน้องชายของคุณชายบุรธัชค่ะ อีตาน้องชายนี่เห็นนมลยิ่งกว่าศัตรูอีกนะคะ เจอหน้ากันทีไร ไม่เคยพูดดีๆกับนมลซักที เค้าไม่รู้หรอกว่า เค้าทำให้นมล..”
       พิมพ์นฤมลจะบอกว่าเธอเสียใจมากแค่ไหนแต่ก็หยุดชะงักเพราะรู้ตัวว่าพูดมากไป ณิชมนมองพิมพ์นฤมลอย่างพอจะจับอารมณ์ของเธอได้
       สายใจเดินหน้าหงิกเข้ามาหาณิชมน
       “คุณแม่บ้านกลับจากเที่ยวแล้วเหรอคะ คุณพรพรรณเรียกให้ไปพบด่วน !”
       สายใจเดินออกไปทันที ณิชมนกับพิมพ์นฤมลมองหน้ากัน
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       ที่ห้องรับประทานอาหารบ้านสรณาลัย บนโต๊อาหารมีแกงจืด ผัดผักเหี่ยวๆ ไข่เจียวแฟบๆ กับเมนูอาหารอื่นๆ ที่ดูชืดๆ ณิชมนมองจานอาหารบนโต๊ะแล้วเงยหน้ามองพรพรรณที่ยืนมองอย่างเอาเรื่อง
       “นี่เธอเรียกว่า อาหารให้คนกินเหรอยะ”
       “นอมเปลี่ยนรายการอาหารให้แล้วนะคะ ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ไปได้”
       พิมพ์นฤมลรีบเข้ามาช่วยณิชมน
       “อาหารง่ายๆ ก็อร่อยได้นะคะ น้าพร”
       “อาหารง่ายๆ น้ากินได้อยู่แล้ว นมล แต่อาหารเย็นชืดอย่างนี้ ใครจะไปกินลง บ้านนี้กินข้าวเย็นกันทุ่มตรง แต่ดันตั้งโต๊ะตั้งแต่ห้าโมงเย็น ใช้สมองส่วนไหนคิด”
       พรรณอรเดินเข้ามา
       “ถ้าอาหารเย็นชืด ก็ไปอุ่นใหม่ ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่”
       “ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารเย็นเท่านั้นนะคะ ดูนี่ค่ะ พี่อร ดูนี่”
       พรพรรณหยิบแก้วน้ำขึ้นมาส่องเห็นคราบสกปรก
       “นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้น พี่อรไปดูได้เลย ว่าบ้านช่องสกปรกรกรุงรัง แค่ไหน ของเล่นพันสรเกลื่อนเต็มบ้าน ไม่มีใครเก็บ”
       พรพรรณหันไปพูดกับณิชมน “วันนี้ฉันสั่งงานเธอไปสิบอย่าง ไม่มีอะไรเสร็จซักอย่างเดียว”
       “แต่นมลฝากงานพี่นอมไว้กับกันยาแล้วนี่คะ”
       สายใจเสนอหน้าเข้ามา
       “กันยาไม่สบายค่ะ คุณนมล”
       “งั้นประนอมก็ไม่ผิด ประนอมไม่รู้นี่ว่า กันยาไม่สบาย”
       “รู้ไม่รู้ก็ผิดค่ะ ประนอมมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของทุกคนในบ้าน ถ้าหากมีอะไรผิดพลาดก็ต้องโทษหัวหน้างาน ฉันจะตัดเงินเดือนเธอยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แล้วถ้าวันนี้เธอไม่แก้ไขทุกอย่างให้เรียบร้อยล่ะก็ เงินเดือนเธอไม่มีเหลือแน่”
       ณิชมนยืนเหวออ้ำอึ้งเพราะทำอะไรไม่ได้
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       ในห้องครัวบ้านสรณาลัย รำไพกับสายใจกำลังนั่งกินข้าวดูโทรทัศน์เครื่องเล็กอย่างสบายใจ ณิชมนยืนมองรำไพกับสายใจด้วยความโมโห
       “ฉันอยากจะรู้ว่า เกิดอะไรขึ้น ฉันทำรายการอาหารใหม่ให้ป้ารำไพแล้วนี่”
       “ฉันทำหายไปแล้ว ก็เลยทำอาหารตามรายการเก่า”
       “แล้วทำไมไม่มีใครทำความสะอาดบ้าน”
       “อ๊ะ อย่ามามองฉันนะ เป็นหน้าที่ของกันยา ไม่ใช่หน้าที่ฉัน” สายใจพูดดัก
       “ถึงไม่ใช่หน้าที่พี่สายใจ ก็น่าจะช่วยทำแทนไปก่อน”
       “ก็ไม่มีใครสั่ง”
       “ก็คนที่มีหน้าที่สั่งงานออกไปเที่ยวซะนี่ งานการไม่ทำดีแต่เก่งประจบสอพลอเจ้านาย”
       “คุณนมลขอให้ฉันไปด้วย ฉันไม่ได้ไปเอง ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้หรอกนะ ป้ารำไพทำอาหารเย็นใหม่เดี๋ยวนี้ ให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ต้องตั้งโต๊ะจนกว่าฉันจะสั่ง พี่สายใจไปเก็บจานชามบนโต๊ะ มาล้างใหม่ให้หมด เสร็จแล้วไปช่วยฉันเก็บกวาดบ้าน”
       “ฉันรู้สึกปวดหัวแล้วก็เจ็บคอด้วย หายใจก็ติดๆขัดๆ สงสัยฉันจะติดหวัดจากกันยาแล้วแน่ๆ ฉันคงทำงานไม่ไหวหรอกนะ ขอไปนอนพักก่อน”
       “ฉันก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวยังไงไม่รู้ สงสัยจะเป็นไข้ ต้องขอไปนอนพักด้วยเหมือนกัน งานที่สั่งๆมาน่ะ ทำเองก็แล้วกัน ไปเที่ยวสนุกก็ต้องทุกข์สนัดอย่างนี้แหละ”
       รำไพกับสายใจยกขบวนกันออกไป ณิชมนมองตามอย่างคิดไม่ถึง
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       ที่บ้านสุธาสิน บุรธัชนั่งอยู่กับณิชาภัทรและนวลแข คนรับใช้เข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มแล้วออกไป นวลแขมองบุรธัชอย่างนิ่งคิด
       “ย่าว่า คุณชายคิดมากไปเอง คนอย่างคุณพรรณอรไม่มีทางที่จะคิดร้ายกับใครหรอก “
       “ถ้าไม่ใช่คุณพรรณอรก็ต้องเป็นคุณพรพรรณล่ะครับ คุณหญิงย่า ที่ส่งคนไปก่อกวนที่ไร่ของผม”
       “แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไรล่ะคะ ธัช” ณิชาภัทรแทรกขึ้น
       “คุณพรพรรณคงอยากจะให้ผมถอนตัวไปจากโครงการเทพสุธามั้งครับ ถ้าไม่มีผมคอยขวาง ทางนั้นจะได้ฮุบโครงการเทพสุธาได้ง่ายขึ้น เหมือนอย่างที่เคยฮุบไร่ของท่านพ่อไปเมื่อสิบปีก่อน”
       “คุณชายธัช ย่าบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไร เท่าที่ย่ารู้จัก คุณชายนฤสรณ์เป็นคนดี ไม่น่าจะหักหลังเพื่อนที่คบหากันมาเป็นสิบๆปีได้ลงหรอก”
       “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอกครับ แล้วตอนที่เกิดเรื่องกับท่านพ่อ คุณหญิงย่าก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณหญิงย่าไม่ทราบหรอกครับว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง”
       “แล้วข่าวที่ว่าท่านพ่อของคุณชายล้มละลายล่ะ”
       “นั่นเป็นข่าวลือครับ ถ้าท่านพ่อมีปัญหาเรื่องเงินจริงๆ ผมจะต้องรู้ซิครับ”
       “แล้วที่ท่านลุงเรียกธัชกลับมาอย่างกะทันหันล่ะคะ ไม่ใช่เพราะท่านลุงกำลังมีปัญหาอะไรเหรอคะ ธัชน่ะมองแต่ในด้านของตัวเอง..” ณิชาภัทรค้าน
       “ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดเรื่องของท่านพ่อ ผมมาเรียนคุณหญิงย่าให้ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คุณหญิงย่าช่วยพิจารณาด้วยนะครับ ถ้าหากหุ้นส่วนของเรามีพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจอย่างนี้ คุณหญิงย่ายังอยากจะร่วมงานด้วยอีกหรือเปล่า”
       ณิชาภัทรมองบุรธัชอย่างไม่เห็นด้วย
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       บุรธัชเดินออกมาจากบ้านสุธาสินตรงไปที่รถ ณิชาภัทรเดินตามมาจนทัน
       “ธัช..ณิชาจะบอกให้นะ คุณย่าไม่บ้าจี้ตามคุณไปบีบให้คุณพรพรรณถอนหุ้นออกจากโครงการเทพสุธาหรอกนะ คุณนี่ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ เรื่องแค่นี้ก็ต้องวิ่งมาฟ้องคุณย่าด้วย”
       “ผมไม่ได้ฟ้อง ผมมาเรียนความจริงให้คุณหญิงย่าทราบต่างหาก ถ้าหากพวกสรณาลัยส่งคนมารังควาญผมอีก ผมโต้ตอบบ้าง คุณหญิงย่าจะได้ทราบว่า ใครเป็นคนหาเรื่องก่อน”
       “ถ้าบ้านสรณาลัยจะส่งคนไปแกล้งคุณจริงๆล่ะก็ เค้าไปจ้างพวกนักเลงไม่ดีกว่าเหรอ ไม่น่าจะส่งลูกจ้างในบ้านไปก่อกวนคุณ แถมยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย”
       “เค้าอ้างว่า เค้าเป็นแม่บ้าน แต่ผมว่าเค้าต้องโกหกแน่ๆ”
       “แล้วเค้าจะโกหกไปทำไมคะ”
       “คุณก็รู้ว่าพวกบ้านสรณาลัยเล่ห์เหลี่ยมจัดแค่ไหน ถ้าผมสืบรู้ว่า แม่บ้านคนนี้เป็นใคร ผมก็จะรู้ว่าพวกสรณาลัยคิดทำอะไรอยู่”
       บุรธัชนึกสงสัยในตัวณิชมนมากขึ้น
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       ที่บ้านสรณาลัย ณิชมนเดินเก็บของเล่นของพันธ์นฤสรร์ ใส่กล่องจนเรียบร้อย จากนั้นก็คว้าไม้ม็อบมาถูพื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นขยะถูกทิ้งเกลื่อนเป็นทางยาวบนพื้น เธอเงยหน้าขึ้นเห็นพันธ์นฤสรร์ กำลังเทขยะลงพื้นอย่างเมามัน
       “คุณพันสร !”
       ณิชมนทิ้งไม้ม็อบวิ่งไปหาพันสร เพันธ์นฤสรร์เทลูกแก้วจากขวดลงพื้น ณิชมนเหยียบลูกแก้วลื่นหงายหลังก้นจ้ำเบ้า
       “แน่จริง ก็จับให้ได้ซิ”
       พันธ์นฤสรร์หัวเราะแล้ววิ่งหนี
       ณิชมนตามคว้าตัวพันธ์นฤสรร์ มาจนได้
       “คุณพันสร ! ทำไมซนอย่างนี้คะ”
       พันธ์นฤสรร์หันมาฉีดสเปรย์สายรุ้งใส่ณิชมนไม่ยั้ง
       “คุณพันสร !”
       พันธ์นฤสรร์หลุดจากณิชมนได้ก็หนีหายไปทันที กันยากับสายใจยืนแอบมองหัวเราะคิกคัก พอณิชมนหันไปมอง กันยากับสายใจหลบหายไปทันที
       ณิชมนปัดสายรุ้งออกจากตัวเริ่มต้นทำความสะอาดบ้านใหม่อีกครั้ง
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       ที่ห้องครัวบ้านสรณาลัย ณิชมนยืนหน้ามันทอดเบคอนอยู่ที่เตา เธอเหลือบมองนาฬิกาอย่างร้อนใจ พอทอดเบคอนเสร็จก็หันมาหั่นผักเพื่อทำสลัดแล้วจึงเช็คดูเนื้อที่หมักอีกครั้งด้วยความกังวล
       พิมพ์นฤมลเดินเข้ามา
       “พี่นอมทำอาหารเย็นอยู่เหรอคะ แล้วทำไมทำอยู่คนเดียวล่ะคะ ป้ารำไพไปไหน”
       “ป้ารำไพไม่สบายน่ะค่ะ”
       “งั้นนมลช่วยนะคะ”
       “อย่าดีกว่าค่ะ คุณนมล เดี๋ยวคุณพรพรรณจะว่านอมเอาได้”
       “น้าพรไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ อีกสิบนาทีก็ต้องตั้งโต๊ะแล้ว พี่นอมทำคนเดียวไม่ทันแน่ๆ”
       “นอมทำคนเดียวได้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณนมลช่วย จะมีปัญหาเปล่าๆ”
       “งั้นนมลไปช่วยถ่วงเวลาน้าพรให้แล้วกัน พี่นอมใจเย็นๆ ค่อยๆทำไปนะคะ”
       พิมพ์นฤมลรีบเดินออกไป ชัยวัฒน์ที่ยืนแอบฟังอยู่ก่อนแล้วเดินเข้ามา
       “คุณนอมน่าจะให้คุณนมลช่วยนะครับ จะไปสนใจปากพวกคนใช้มันทำไม พวกมันน่ะอิจฉาที่คุณนอมมาทำงานแค่วันเดียวก็กลายเป็นคนโปรดของคุณนมล ก็คุณนอมน่ารักออกอย่างนี้ ใครจะอดใจได้”
       “ฉันเป็นลูกจ้างเหมือนทุกๆคน ฉันไม่อยากมีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นๆ หรอกค่ะ”
       “คุณนอมไม่ให้คุณนมลช่วย แต่คงจะอนุญาตให้ผมช่วยนะครับ ผมทนเห็นคุณนอมทำงานหนักอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ”
       “ไม่ต้องค่ะ ฉันทำคนเดียวได้”
       “ให้ผมช่วยเถอะนะครับ”
       ชัยวัฒน์หยิบกระป๋องซุปมาเปิดแต่มองณิชมนไม่วางตา ณิชมนง่วนทำอาหารต่อไม่หยุดมือ
       “เดี๋ยวผมอุ่นซุปให้เองนะครับ คุณนอมนี่ฉลาดจริงๆ ใช้ซุปสำเร็จรูปอย่างนี้เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ”
       “ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวฉันทำเอง”
       “ให้ผมช่วยเถอะครับ”
       ชัยวัฒน์เทซุปกระป๋องใส่หม้ออย่างรวดเร็วสองสามกระป๋องแล้วรีบร้อนดินไปที่เตา แต่เดินสะดุดทำหม้อซุปหล่นลงทั้งหม้อแล้วยังคว้าผิดคว้าถูกปัดตะกร้าผักที่เตรียมทำสลัดหล่นลงกับพื้น ทั้งซุปทั้งผักกระจัดกระจายเต็มพื้น
       รำไพโผล่หน้าเข้ามาแอบดูแล้วยิ้มขำ
       ณิชมนยืนขมุบขมิบปากอยากด่าชัยวัฒน์ใจจะขาด
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       ที่ห้องรับประทานอาหารบ้านสรณาลัย พรรณอรนั่งลงที่หัวโต๊ะ พรพรรณเดินตามมาแล้วหันไปมองนาฬิกา พิมพ์นฤมลรีบไปยืนบังพรพรรณไว้
       “น้าพรนั่งลงเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่นอมจะเสิร์ฟอาหารเย็นแล้ว”
       “นี่มันกี่โมงแล้ว น้าสั่งให้ตั้งโต๊ะทุ่มนึงไม่ใช่เหรอ”
       “คุณแม่สั่งให้เลื่อนเป็นทุ่มครึ่งค่ะ”
       พรรณอรทำหน้างง “แม่สั่งเหรอ”
       พิมพ์นฤมลขยิบตาให้ “ก็วันนี้คุณแม่นัดคุยประชุมทางโทรศัพท์กับสำนักพิมพ์ยังไงล่ะค่ะ คุณแม่กลัวว่าอาจจะคุยกันยืดเยื้อก็เลยสั่งให้พี่นอมตั้งโต๊ะสายหน่อย”
       “อ๋อ ใช่จ้ะๆ วันนี้พี่มีนัดประชุมกับทางสำนักพิมพ์”
       “ทำไมนัดประชุมกันตอนนี้ ไม่รู้จักเวล่ำเวลา”
       พันธ์นฤสรร์วิ่งเข้ามาร่วมโต๊ะอาหาร
       “จะสองทุ่มแล้ว ยังไม่ตั้งโต๊ะอีกเหรอ หิวจะแย่แล้ว”
       “ต๊าย นี่มันสองทุ่มแล้วเหรอ น้ำซักแก้วก็ยังไม่มาเสิร์ฟ คนบ้านนี้ไม่มีใครทำงานกันเลยใช่มั้ย ยัยประนอมนี่ทำงานไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”
       ณิชมนเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหาร
       “อาหารเย็นพร้อมเสิร์ฟแล้วค่า”
       ณิชมนวางจานอาหารเรียกน้ำย่อยลงกลางโต๊ะ
       “วันนี้อาหารเย็นเป็นอาหารฝรั่งนะคะ เราจะเริ่มต้นด้วย Appetizer ก่อน แอสพารากัสพันเบคอนค่ะ ถ้ามีเวลามากว่านี้ก็น่าจะมี Appetizer ซักสองสามอย่าง นอมขอแก้ตัวใหม่วันหลังนะคะ”
       ชัยวัฒน์ยกถาดชามซุปเข้ามา เสิร์ฟให้ทีละคนโดยเริ่มจากพรรณอร
       “นอมขออนุญาตเสิร์ฟซุปก่อนนะคะ วันนี้เป็น Minestrone soup เป็นซุปผักสไตล์อิทาเลี่ยน แล้วเดี๋ยวจะตามด้วย Main course ฟิเลต์สเต็กย่างกับซอสเนยแข็งเสิร์ฟพร้อมกับสลัดผัก ส่วนของหวานก็เป็นสตอร์แบรี่ลอยแก้วนะคะ “
       “อาหารฟังดูน่ากินทั้งนั้นเลย พี่นอมเก่งจริงๆ เลย แค่ไม่ชั่วโมงเดียวก็ทำอาหารอร่อยๆ ได้ตั้งหลายอย่าง”
       พรรณอรกับพันธ์นฤสรร์ก้มหน้าก้มตากินซุป
       “อืม อร่อย !” พรรณอรกับพันธ์นฤสรร์พูดออกมาแทบจะพร้อมกัน
       รำไพ กันยาและสายใจแอบยืนมองอยู่ ผิดคาดที่ณิชมนทำอาหารเสร็จทันเวลา
       “อย่างนี้น้าพรหักเงินเดือนพี่นอมไม่ได้แล้วนะคะ ที่จริงต้องขึ้นเงินเดือนให้พี่นอมด้วยซ้ำค่ะ”
       พรพรรณตักซุปใส่ปากช้าๆ มองณิชมนแล้วครุ่นคิด ณิชมนยิ้มโล่งอก ชัยวัฒน์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำท่าภูมิใจราวกับทำอาหารเอง
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       ณ บ้านบุริศราวัณ บุรธัชนั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องทำงาน ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
       “เข้ามาได้”
       บุรธัชเงยหน้าจากเอกสารเห็นอาจเปิดประตูเดินเข้ามา ประตูถูกงับไว้แบบไม่สนิทโดยไม่ตั้งใจ
       “ได้เรื่องมั้ย”
       “แม่บ้านคนใหม่ของบ้านสรณาลัยชื่อ ประนอม บุญเสริมครับ เคยเป็นผู้ช่วยแม่บ้านของอาจารย์ดาวเรืองก่อนที่จะถูกส่งตัวมาทำงานที่บ้านสรณาลัย ผมสืบดูประวัติแล้วก็ไม่มีอะไรผิดสังเกตเลยนะครับ คุณชาย”
       อาจหยิบโพยขึ้นมาอ่าน
       “เรียนจบม.6 ที่ขอนแก่นบ้านเกิด พ่อแม่แยกทางกัน แม่เลยพามาอยู่ที่เชียงราย ทำงานที่โรงงานบ่มยาอยู่สองปี โรงงานทอผ้าสามปีแล้วถึงได้มาทำงานที่บ้านอาจารย์ดาวเรืองครับ ไม่มีประวัติอาชญากร ไม่เคยต้องคดีอะไรเลย”
       “ลุงอาจสืบผิดคนหรือเปล่า ผู้หญิงที่ชื่อประนอมที่ฉันรู้จัก ดูไม่เหมือนเด็กจบม.6 หรือเคยทำงานเป็นสาวโรงงานมาก่อนเลย ดูยังไงก็ไม่เหมือนลูกจ้างทำงานบ้านทั่วไป”
       “ผมสืบมาไม่ผิดคนแน่ๆ ครับ ประนอม บุญเสริมเป็นแม่บ้านธรรมดาๆนี่แหละครับ”
       “ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ การมาของผู้หญิงคนนี้จะต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลัง แล้วเรื่องของนายภาสกับลูกสาวคุณพรรณอรล่ะ”
       รวิภาสเดินผ่านมาชะงักหยุดยืนฟังที่หลังประตู
       “ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ครับ ไม่มีใครเคยเห็นสองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันเลย คุณชายครับ คุณภาสกับคุณนมลรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว เรียนก็เรียนที่เดียวกันมาตลอด จะไม่ให้คบหาสมาคมกันเลย ก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะครับ”
       “เรากับบ้านสรณาลัยตัดขาดกันมานานแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องไปคบหาสมาคมด้วย ช่วยจับตานายภาสให้ด้วยแล้วกัน อย่าให้ไปข้องแวะกับลูกสาวคุณพรรณอรเป็นอันขาด !”
       รวิภาสนิ่งฟังอย่างไม่ชอบใจ ส่วนบุรธัชมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองเป็นอย่างมาก
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       ตอนกลางคืน ที่บ้านสรณาลัย พรรณอรนั่งพิมพ์งาน หยุดอ่านแล้วยิ้มปลื้มงานตัวเองแล้วพิมพ์ต่อ พรพรรณเดินเข้ามา พรรณอรเงยหน้ามอง
       “พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่า เวลาพี่ทำงาน ห้ามใครรบกวนอย่างเด็ดขาด ดูซิเธอเข้ามา ทำให้สมาธิพี่แตกกระเจิง เขียนงานต่อไม่ได้เลย”
       “พรมีเรื่องที่จะต้องพูดกับพี่อรคืนนี้ ไม่งั้นพรนอนไม่หลับแน่ๆ”
       “เรื่องอะไรอีกล่ะ ถ้าเป็นเรื่องประนอม เธอก็น่าจะหายห่วงได้แล้ววันนี้ประนอมทำงานใช้งานได้เลยนะ”
       “ไม่ใช่แค่ทำงานใช้ได้หรอกค่ะ ประนอมทำงานได้ดีเกินไป”
       “อ้าว ทำงานดีก็มีปัญหาซะนี่”
       “พี่อรไม่แปลกใจหรือยังไงคะ เด็กบ้านนอกจบม.6 อย่างประนอมจะทำอาหารฝรั่งได้ดีขนาดนั้น แล้วยังออกเสียงภาษาอังกฤษได้เป๊ะถ้าไม่ใช่เด็กอินเตอร์ไม่เรียกสตอร์เบอรี่เป็นสตอร์แบรี่หรอกค่ะ แล้วยังมีแอพเพอร์ไทเซอร์ ฟิเลต์สเต็กเคอะ ซุปเพอะ..” พรพรรณพยายามเลียนเสียงให้เหมือนณิชมน
       “ก็ประนอมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า เค้าเคยทำงานบ้านฝรั่ง แล้วเธอก็อย่าเอาพื้นเพหรือว่าการศึกษาเป็นเครื่องวัดความสามารถ ถึงประนอมจะเรียนมาน้อย แต่เป็นคนใฝ่รู้ก็เลยมีความสามารถอย่างที่เห็น แล้วก็คงได้รับการฝึกอบรมจากอาจารย์ดาวเรืองมาด้วย”
       “ถึงยังไงพรก็ยังรู้สึกทะแม่งๆ อยู่ดี ถ้าประนอมเก่งมีความสามารถนักล่ะก็ ทำไมไม่ไปทำงานอย่างอื่น มาทำงานเป็นแม่บ้านทำไมคะ พรสงสัยจริงๆ ยัยประนอมมาทำงานที่บ้านเรานี่ต้องการอะไรกันแน่”
       พรพรรณหันไปเห็นพรรรณอรเหมือนอยู่ในภวังค์พิมพ์งานต่อไม่ได้สนใจฟังเธอ
       พรพรรณมองพี่สาวอย่างเหนื่อยใจ
       + + + + + + + + + + + + + + +
       
       ที่ห้องณิชมน ณิชมนเข้ามาในห้องล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงอย่างหมดแรง สักพักพิมพ์นฤมลถือหนังสืออาหารเดินเข้ามา ณิชมนเด้งลุกจากเตียงทันที
       “มีอะไรจะใช้นอมเหรอคะ คุณนมล”
       “นมลไม่มีอะไรจะใช้พี่นอมหรอกค่ะ นมลเอาหนังสือมาให้”
       พิมพ์นฤมลส่งหนังสืออาหาร 3-4 เล่มให้ณิชมน
       “นี่ค่ะ น่าจะช่วยให้พี่นอมคิดรายการอาหารได้ล่วงหน้าเป็นเดือนเลย ที่จริงบ้านเราไม่ค่อยเรื่องมากเรื่องกินหรอกค่ะจะมีแต่คุณแม่ที่จะทานมังทุกวันพุธ”
       “ทานมัง..มังอะไรคะ”
       “มังสวิรัติไงคะ คุณแม่จะงดทานเนื้อสัตว์ทุกวันเกิดแล้วก็วันพระ”
       ณิชมนพูดพึมพำ “..Vegetarian ..ทุกวันพุธและวันพระ”
       “เรื่องงานอื่นๆในบ้าน ทุกคนก็รู้หน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีอะไรต้องหนักใจ” พิมพ์นฤมลพูดแล้วมองณิชมนที่ยังละเหี่ยใจอยู่
       “พี่นอมเป็นหัวหน้างาน มีอำนาจในการควบคุมดูแลทุกอย่างในบ้านแทนน้าพร พี่นอมมีอำนาจอยู่ในมือแล้ว ทำไมไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ล่ะคะ”
       “นอมคงจะต้องรู้จักคนที่อยู่ใต้อำนาจของนอมซะก่อน นอมถึงจะรู้ว่านอมควรจะใช้อำนาจแค่ไหน ยังไง”
       ณิชมนมองพิมพ์นฤมลด้วยความรู้สึกที่ฮึดสู้
       อ่านต่อหน้าที่ 2 

タイのテレビドラマ  รักปาฏิหาริย์ 第2話

タイのテレビドラマを見る รักปาฏิหาริย์ 第2話
DVDはタイ料理店 豊春のマリーで購入 シナリオをインターネットから探した


ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 .
       
       ภายในบ้านสรณาลัย พรรณอรเปิดประตูออกมาจากห้องทำงานด้วยท่าทีร่าเริง พรรณอรนั้นมุ่งมั่นกับงานเขียนหนังสืออีกด้วย เธอเป็นนักเขียนนวนิยายแนวฆาตกรรมสืบสวนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ใช้นามปากกาว่า “วรรณกานต์” ไม่เปิดเผยตัวให้เป็นที่รู้จัก แต่มีความสุขกับการพูดคุย กับแฟนคลับผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว
       
       “เสร็จไปอีกหนึ่งบท วันนี้เขียนได้ลื่นไหลดีจริงๆ “
       พรพรรณเดินเข้ามาหา
       “พี่อร ประนอมอยู่ไหนคะ นมลพาขึ้นไปดูห้องพักแล้วก็หายจ้อยไปเลย”
       “ประนอมไหน?”
       “ก็แม่บ้านคนใหม่ของพี่อรไงคะ เป็นคนจ้างเองแท้ๆ ลืมได้ยังไง”
       กันยา คนรับใช้ของบ้านสรณาลัยเดินถือถาดของว่างเข้ามา
       “กันยาๆ ไปตามประนอมมาที” พรพรรณสั่ง
       “ประนอมไหนคะ คุณพร”
       “ก็ประนอม แม่บ้านคนใหม่ยังไงล่ะ นี่ไม่มีใครรู้เลยเหรอว่า ยัยประนอมอยู่ไหน”
       พันธ์นฤสรร์ไถรถ Scooter เข้ามา
       “เค้าไม่อยู่แล้วล่ะ”
       “ไม่อยู่ !! แล้วไปไหน”
       “ไปจ่ายตลาด” พันธ์นฤสรร์บอก
       “ไปจ่ายตลาด ใครเป็นคนสั่ง เพิ่งทำงานวันแรกก็ไว้ใจให้เงินไปจ่ายตลาดแล้วเหรอ นี่มันต้องเชิดเงินหนีไปแล้วแน่ๆ บ้านเราซื้อของเข้าบ้านทีละตั้งห้าหกพัน นี่ถ้ามันไม่กลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง ฉันจะแจ้งตำรวจจับมัน!”
       พรพรรณมีท่าทางเอาจริง
       + + + + + + + + + + + +
       
       ภายในบ้านชุติมันต์ บุรธัชกับณิชมนกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่
       “เธอเป็นใคร เข้ามาที่นี่ทำไม”
       “คุณล่ะเป็นใคร เข้ามาที่นี่ทำไม”
       “เลี่ยงไม่ตอบคำถามอย่างนี้ แสดงว่าเธอต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่ๆ นี่เธอคงรู้ว่า บ้านนี้ไม่มีคนอยู่ คิดจะมาขโมยของล่ะซิ”
       “ฉันไม่ใช่ขโมย ฉันรู้จักกับเจ้าของบ้านหลังนี้ เจ้าของบ้านหลังนี้ชื่อคุณโชติ ชุติมันต์ คุณโชติมีลูกชายคนเดียวชื่อคุณชยทัต ซึ่งแต่งงานกับคุณณัชชา ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณนวลแข สุธาสิน”
       “แล้วยังไง คุณโชคเป็นคนมีชื่อเสียง ใครๆก็รู้จักท่านอยู่แล้ว”
       บุรธัชมองพิจารณาณิชมนตั้งแต่หัวจดเท้า
       “ท่าทางเธอก็ดูไม่เหมือนเป็นขโมย”
       ณิชมนรู้สึกโล่งใจขึ้น
       “แต่ดูเหมือนพวกสิบแปดมงกุฎมากกว่า”
       ณิชมนฉุนกึ๊กทันที
       “พูดโกหกได้คล่องปากอย่างนี้คงหลอกต้มคนมานักต่อนักแล้ว มาที่นี่คิดจะทำอะไร จะมาหลอกลุงแหวงล่ะซิท่า จะบอกให้นะ ถึงลุงแหวงจะเป็นคนเก่าแก่ที่นี่ คุณโชติก็ไม่ได้ทิ้งมรดกอะไรไว้ให้ เบี้ยบำนาญอะไรก็ไม่มี”
       “ฉันไม่ต้องการอะไรจากใครทั้งนั้น ไม่งั้นฉันก็คงบอกลุงเค้าไปแล้วว่า ฉันเป็น..เป็น..”
       “เป็นอะไร?”
       “ฉันจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
       ณิชมนเดินออกไป แต่บุรธัชคว้าแขนเอาไว้แน่น
       “จะไปไหน คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปแน่”
       บุรธัชลากณิชมนออกไปทันที
       + + + + + + + + + + + +
       
       บุรธัชลากณิชมนออกมาจากในบ้าน
       “ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อยยังไงล่ะ”
       ณิชมนดิ้นรนจะหยิบสเปรย์พริกไทยแต่บุรธัชรู้ทันจับมือณิชมนไว้ได้ ณิชมนจะเตะผ่าหมากแต่บุรธัชก็หลบได้ทุกจังหวะ
       “ปล่อยฉัน คุณมีสิทธิ์อะไรมาจับตัวฉันไว้”
       “ก็สิทธิ์ในความเป็นเจ้าของบ้านยังไงล่ะ เธอบุกรุกบ้านฉัน ฉันก็มีสิทธิ์จับตัวเธอส่งตำรวจ”
       “คุณโชติต่างหากที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้”
       “ฉันซื้อบ้านหลังนี้จากคุณโชติแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของบ้านชุติมันต์แล้ว รู้เอาไว้ด้วย”
       ณิชมนหยุดดิ้นรนในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกงุนงง แต่บุรธัชยังจับตัวณิชมนไม่ยอมปล่อย ลุงแสวงวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
       “มีอะไรกันเหรอครับ”
       ณิชมนได้จังหวะสะบัดตัวออกจากบุรธัชมาได้ แต่บุรธัชยังคว้าแขนจับเอาไว้
       “ยัยนี่เป็นพวกสิบแปดมงกุฎ ฉันจะจับส่งตำรวจ ลุงแหวงถูกหลอกให้เซ็นอะไรหรือให้ซื้ออะไรหรือเปล่า พวกนี้ชอบหลอกต้มตุ๋นคนแก่ที่อยู่บ้านคนเดียว ไม่ได้กลัวบาปกรรมอะไรเลย ลุงแหวงถูกหลอกไปเท่าไหร่ล่ะ”
       “คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ คุณคนนี้เป็นคนของอาจารย์ดาวเรืองครับท่านคงทราบข่าวเรื่องที่คุณชายซื้อบ้านหลังนี้แล้ว ก็เลยส่งคนมาช่วยเก็บข้าวเก็บของ”
       บุรธัชมองณิชมนภายในใจรู้สึกไม่เชื่อแม้แต่น้อย
       “งั้นฉันจะโทรถามอาจารย์ดาวเรืองว่า ส่งคนมาจริงหรือเปล่า เธอชื่ออะไร”
       “ฉันชื่อ..ประนอม..ประนอม บุญเสริม”
       บุรธัชหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ แต่ณิชมนรีบตะครุบมือบุรธัชไว้ไม่ให้กดโทรศัพท์ต่อ
       “เดี๋ยวๆ ค่ะ คือ..ฉันเป็นคนของอาจารย์ดาวเรืองก็จริงนะคะ แต่ตอนนี้อาจารย์ส่งฉันไปเป็นแม่บ้านที่บ้านสรณาลัยแล้วค่ะ ถ้าคุณจะสอบถามเรื่องของฉัน โทรไปที่บ้านสรณาลัยดีกว่าค่ะ”
       ณิชมนหายใจทั่วท้องเพราะคิดว่าแก้ปัญหาไปได้แน่ๆ
       “เธอเป็นแม่บ้านของบ้านสรณาลัยเหรอ”
       ณิชมนยิ้มด้วยความมั่นใจ “ค่ะ ฉันเป็นแม่บ้านของบ้านสรณาลัย”
       “พวกสรณาลัยไว้ใจไม่ได้จริงๆ !! มากับฉันเลย !”
       บุรธัชยิ่งโกรธมากขึ้นกระชากพาณิชมนออกไปทันที ณิชมนหน้าเหวอไม่รู้ว่าทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง
       “เดี๋ยวครับ กระเป๋าของคุณเค้าครับ” ลุงแสวงรีบคว้ากระเป๋าเป้ของณิชมนตามบุรธัชไป
       + + + + + + + + + + + +
       
       ที่ชมรมค่ายอาสา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง รวิภาสเดินมาที่โต๊ะหน้าชมรมฯ ซึ่งมีตะกร้าดอกไม้ติดป้าย “ดอกละ 20 ช่วยสร้าง รร.ให้น้อง” วางอยู่ รวิภาสตบไหล่กันต์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค
       “เฮ้ย ไอ้กันต์ ฉันไปเรียนแป๊บเดียว ดอกไม้เหลือแค่นี้เองเหรอวะ”
       กันต์เงยหน้าขึ้นมองดอกไม้ที่เหลือไม่กี่ดอก
       “ก็มีคนสวยๆ มาช่วยขาย มันก็หมดเร็วอย่างนี้แหละ”
       “ใครมาช่วยขาย”
       “ที่จริงเราน่าจะเอาผลิตผลที่ไร่แกมาขายนานแล้วนะ ของฟรีไม่มีต้นทุน กำไรล้วนๆ อย่างนี้ วันสองวันก็ได้เงินตามเป้าแล้ว” กันต์ตอบเลี่ยงๆ
       “ฉันถามว่า ใครมาช่วยขาย”
       กันต์พยักเพยิดให้รวิภาสดูเอาเอง รวิภาสมองตามไปเห็นกลุ่มนักศึกษาชายล้วนกำลังรุมล้อมใครบางคนอยู่ แล้วนักศึกษาชายเหล่านั้นก็ถือดอกไม้ค่อยๆ ทยอยออกมา รวิภาสเห็นว่าเป็นพิมพ์นฤมลกับมีนถือตะกร้ายืนขายดอกไม้อยู่
       “แกอย่าเพิ่งปรี๊ดแตก น้องนมลอยากช่วย ก็ให้เค้าช่วยไป ไม่เห็นเป็นไรเลย”
       รวิภาสผลุนผลันออกไปทันที ทิ้งกันต์ที่รู้สึกหน่ายใจอยู่ที่โต๊ะ รวิภาสรีบเดินไปหาพิมพ์นฤมลกับมีนที่กำลังถือตะกร้าดอกไม้เดินเร่ขายอยู่
       “ช่วยซื้อดอกไม้หน่อยนะคะ ดอกละห้าสิบค่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้เราจะเอาไปช่วยสร้างโรงเรียนให้น้องนะคะ ห้าสิบบาทเองค่า”
       “นมล พี่กันต์ให้ขายดอกละยี่สิบไม่ใช่เหรอ”
       “พี่กันต์ไม่ว่าอะไรหรอกน่า ยิ่งได้เงินเข้าชมรมเยอะเท่าไหร่ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ”
       รวิภาสเดินเข้ามาดึงตะกร้าดอกไม้จากพิมพ์นฤมลไป
       “เธอคิดผิดแล้ว เราต้องการเงินเข้าชมรมก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ได้มาด้วยวิธีขายของเกินราคาเอาเปรียบผู้ซื้ออย่างนี้” รวิภาสพูดเสียงเข้ม “แต่การใช้กลโกงหลอกเอาเงินคนอื่นเป็นวิธีของพวกสรณาลัยอยู่แล้วนี่”
       “นี่นายภาส มันจะเกินไปแล้วนะ อย่างกับพวกบุริศราวัณดีนักแหละพี่ชายนายก็ใช้กลโกงกดราคาที่ดินคนอื่นเค้าเหมือนกัน”พิมพ์นฤมลโต้
       “เดี๋ยว เดี๋ยวนะคะ ตอนนี้เราเริ่มเบี่ยงเบนประเด็นกันไปไกลแล้ว ถ้าหากพี่ภาสไม่อยากให้เราช่วยขายดอกไม้ เราก็จะไม่ยุ่งแล้วล่ะค่ะ” มีนไกล่เกลี่ย
       “ไม่ใช่เฉพาะเรื่องขายดอกไม้นี่ เรื่องอื่นก็ไม่ต้องมายุ่ง ฉันไม่ต้องการคุณหนูไฮโซสมองกลวงอย่างเธอมายุ่งวุ่นวายกับชมรมของฉัน”
       “นายรวิภาส ! นึกว่าตัวเองฉลาดล้ำลึกกว่าคนทั้งโลกหรือยังไง มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินฉัน ถ้านายให้โอกาสฉัน นายก็จะรู้ว่า ฉันทั้งเก่งทั้งฉลาดทำงานอึดไม่แพ้นายหรอก แต่นายมีอคติกับฉัน นายถึงไม่ยอมให้ฉันเข้าชมรมของนาย มีอุดมการณ์แต่ไม่มีจริยธรรม คนอย่างนายไม่สมควรจะเป็นหัวหน้าชมรมเลย !”
       พิมพ์นฤมลเดินผละไป มีนถือตะกร้ายืนกระอักกระอ่วนใจอยู่ สักพักพิมพ์นฤมลเดินกลับมาดึงตะกร้าจากมีนโยนใส่รวิภาสแล้วลากมีนออกไปด้วยกัน
       + + + + + + + + + + + +
       
       ที่คณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พิมพ์นฤมลกับมีนเดินกลับมาที่คณะ โดยที่พิมพ์นฤมลมีท่าทีหงุดหงิดโมโหอย่างมาก
       “นมล เลิกคิดที่จะเข้าชมรมพี่ภาสเถอะ ฉันเบื่อที่จะเป็นกรรมการห้ามมวยเต็มทนแล้ว ชมรมอื่นก็มีเยอะแยะไป”
       “ชมรมค่ายอาสาไม่ใช่เป็นชมรมของนายภาสคนเดียว ฉันจะไม่ยอมแพ้จอมเผด็จการอย่างนายคนนี้หรอก ฉันจะต้องต่อสู้ต่อไปเพื่อความยุติธรรมต่อไป”
       “สู้ไปก็เหนื่อยเปล่าน่า เราไปเข้าชมรมเชียร์กันดีกว่า”
       “ฉันไม่ชอบ”
       “ชมรมละครล่ะ”
       “ฉันไม่อิน”
       “งั้นก็ชมรมโต้วาที”
       “ไม่ใช่ทาง ไม่ต้องมาหว่านล้อมฉันเลย มีน ยังไงฉันก็จะต้องเข้าชมรมค่ายอาสาให้ได้”
       “ฉันว่าแกตั้งชมรมขึ้นมาใหม่จะง่ายกว่านะ แกไม่มีทางผ่านด่านพี่ภาสไปได้แน่ๆ ว่าแต่บ้านแกกับบ้านพี่ภาสมีเรื่องอะไรกันเหรอ ดูเหมือนว่าพี่ภาสจะไม่ได้เกลียดขี้หน้าแกคนเดียว แต่เกลียดแกทั้งตระกูลเลย”
       “เรื่องมันจบไปนานแล้ว เรื่องจบ แต่คนไม่จบ มันก็เลยเป็นปัญหาอย่างที่เห็นนี่แหละ”
       “ตอบได้เคลียร์จริงๆ ฉันเข้าใจได้ทะลุปรุโปร่งเลย”
       มีนพูดประชด แต่พิมพ์นฤมลไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้
       + + + + + + + + + + + +
       
       ณ บ้านสรณาลัย บุรธัชลากณิชมนเข้ามาด้านใน ณิชมนขัดขืนสุดฤทธิ์ไม่ยอมเข้าไป
       “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม นี่มันเป็นเรื่องระหว่างคุณกับฉันสองคน ทำไมต้องดึงคนอื่นเข้ามายุ่งด้วย ไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
       พรรณอรกับพรพรรณได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงพากันออกมาดู
       “นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมประนอมกลับมากับคุณชายล่ะ” พรรณอรถาม
       “พรนึกแล้วเชียว ประนอมเป็นคนของคุณชายจริงๆ นี่คุณชายส่งแม่นี่มาสอดแนมเราใช่มั้ย”
       “พวกคุณต่างหากที่ส่งผู้หญิงคนนี้ไปสอดแนมผม ผมอยากรู้ว่า พวกคุณต้องการอะไร พินัยกรรมของคุณโชติก็บอกอย่างชัดเจนแล้วว่า ท่านขายบ้านให้ผมคนเดียวเท่านั้น จะบอกให้นะ ไม่ว่าจะใช้เล่ห์กลอะไร ทรัพย์สินทุกอย่างของชุติมันต์จะต้องเป็นของผม”
       ณิชมนมองหน้าบุรธัชภายในใจรู้สึกว่าบุรธัชโลภมากจนเกินไป
       “พวกฉันไม่เคยสนใจทรัพย์สินของคุณโชติ ตอนที่คุณโชติประกาศขายไร่ขายโรงงาน เราก็ไม่เคยคิดไปแย่งซื้อกับคุณชายเลย แล้วถ้าฉันจะส่งคนไปสอดแนมจริงๆนะ ฉันไม่ส่งแม่บ้านโง่ๆเซ่อๆ อย่างประนอมไปหรอกค่ะ”
       ณิชมนหันไปมองหน้าพรพรรณที่เพิ่งพูดจบไป เธอคิดจะค้านแต่ก็พยายามปิดปากไว้
       “งั้นแสดงว่าคุณคิดจะส่งคนไปสอดแนมจริงๆ”
       “อ้าว พูดอะไรก็เข้าตัวไปหมด พี่อรช่วยพูดกับคุณชายหน่อยซิคะ”
       “คุณชายเข้าใจผิดค่ะ ขอบคุณที่พาประนอมมาส่งนะคะ ได้เวลาโยคะพอดี ขอตัวก่อนนะคะ”
       พรรณอรตัดบทแล้วเดินหนีไปเหมือนไม่ขอรับรู้อะไรด้วย
       “พี่อร ! “ พรพรรณหันไปพูดกับบุรธัช “อย่างที่พี่อรบอกแหละค่ะ คุณชายกำลังเข้าใจผิดทั้งเข้าใจผิดเรื่องประนอม แล้วก็เข้าใจผิดเรื่องพี่นฤสรณ์กับท่านพ่อของคุณ น่าจะถึงเวลาแล้วนะคะที่เราจะมาปรับความเข้าใจกัน”
       “ผมไม่มีเวลาฟังใครแก้ตัวหรอกครับ คราวนี้ผมจะไม่เอาเรื่อง ถ้าคราวหน้าคุณส่งคนไปบุกรุกที่ของผมอีก ผมไม่ไว้หน้าแน่”
       บุรธัชเดินออกไป
       “ประนอม เรามีเรื่องต้องคุยกันแล้ว”
       “ขอเวลาแป๊บนึงนะคะ แป๊บเดียวจริงๆ ค่ะ”
       ณิชมนรีบวิ่งแจ้นตามบุรธัชไป บุรธัชเดินมาถึงที่รถ แต่ณิชมนวิ่งตามมาจนทัน
       “คุณคะ คุณ อย่าเพิ่งไปค่ะ”
       ณิชมนวิ่งไปดักหน้าบุรธัช
       “คุณซื้อบ้านของคุณโชติไปแล้วจริงๆ เหรอคะ ลุง..เออ..ลุงแหวงบอกว่าคุณโชติเก็บบ้านชุติมันต์ไว้ให้ลูกชายของท่านนี่คะ แล้วท่านจะขายบ้านให้คุณได้ยังไง”
       “เธอจะถามทำไม เรื่องบ้านชุติมันต์เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย”
       “ก็..ก็ฉันอยากรู้”
       “ถ้าอยากได้ข้อมูลไปเอาหน้ากับเจ้านาย ก็ไปสืบหาเอาเอง ฉันไม่จำเป็นจะต้องมาตอบคำถามเธอ”
       บุรธัชเดินหลบ แต่ณิชมนยังเดินตามตื๊อต่อ
       “แล้วคุณจะทำยังไงกับบ้านชุติมันต์คะ คุณคงจะเก็บไว้ใช่มั้ยคะ คงไม่ขายต่อใครใช่มั้ย บ้านโบราณสวยๆแบบนั้นน่าจะอนุรักษ์ไว้นะคะทำเป็นมิวเซียมหรือดัดแปลงเป็นโรงแรมก็ได้ ปราสาทสวยๆในอังกฤษก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น”
       “เธอคิดว่า เธอเป็นใคร”
       “ฉันก็แค่อยากจะแนะนำเท่านั้น”
       “ฉันไม่ต้องการคำแนะนำของเธอ ไปบอกคุณพรรณอรด้วย ถ้าต้องการอะไรก็ให้มาพูดกันซึ่งๆ หน้า ไม่ใช่ส่งคนใช้มาพูดแทน ลืมไปว่าคนบ้านนี้ทำอะไรตรงไปตรงมาไม่เป็นอยู่แล้ว แล้วเธอ ! หวังว่าฉันคงไม่เห็นหน้าเธออีก !”
       บุรธัชขึ้นรถแล้วขับออกไป ณิชมนนึกขึ้นได้รีบวิ่งตาม
       “เดี๋ยวค่ะ กระเป๋าของฉัน กระเป๋า !!”
       บุรธัชจอดรถ ณิชมนดีใจคิดว่าบุรธัชจะให้ไปรับกระเป๋าของเธอ แต่เขาเปิดประตูรถเหวี่ยงกระเป๋าของเธอออกมาอย่างไม่ไยดี แล้วก็ขับรถออกไปทันที ณิชมนวิ่งไปคว้ากระเป๋าขึ้นมา
       “คนอะไร ! ใจดำจริงๆ !”
       ณิชมนโกรธฮึดฮัด
       + + + + + + + + + + + +
       
       ภายในบ้านสรณาลัย พรพรรณกำลังจ้องมองณิชมนอย่างจับผิด
       “ไหนอธิบายมาซิ ประนอม เธอไปบ้านชุติมันต์ทำไม”
       ณิชมนซึ่งนั่งอยู่ที่พื้นกระสับกระส่ายพยายามคิดหาข้อแก้ตัว
       “เออ..คือว่า..คือว่านอมไปเยี่ยมลุงแหวงค่ะ แม่ของนอมเป็นเพื่อนกับลุงแหวงน่ะค่ะ แม่ฝากปลาร้ามาให้ นอมก็เลยต้องรีบเอาไปให้ลุงเค้ากลัวมันจะเน่าเสียก่อน”
       “เธอคิดว่า ตัวเองเป็นใครไม่ทราบ คิดจะไปไหนก็ไปโดยไม่ขออนุญาตกันก่อน มาถึงวันแรกก็หาเรื่องปวดหัวมาให้ฉันแล้ว แล้วต่อไปไม่รู้จะก่อปัญหาอะไรอีก” ขณะที่กำลังบ่นจู่ๆ พรพรรณก็นึกขึ้นมาได้ “แล้วปลาร้าเก็บได้เป็นปีๆ เน่าง่ายๆซะที่ไหน”
       “นอมขอโทษนะคะ คุณพร นอมทำไปโดยไม่ทันคิดจริงๆนึกว่าแวะหาลุงแหวงแป๊บเดียวแล้วก็ไปจ่ายตลาดต่อ พอดีไปเจอคุณผู้ชายคนนั้นซะก่อน ก็เลยเป็นเรื่อง”
       “ฉันกลัวแต่ว่า ถ้าเธอไม่ได้เจอคุณชายบุรธัชเข้าซะก่อน เธอคงจะเชิดเงินฉันหนีไปแล้ว เอาบัตรประชาชนมา”
       “อะไรนะคะ”
       “ฉันบอกว่า เอาบัตรประชาชนมา ฉันจะต้องยึดบัตรประชาชนเธอไว้เป็นประกัน เร็วเข้าซิ รีรออะไรอยู่ล่ะ”
       “นอมไม่มีบัตรประชาชนหรอกค่ะ คือว่า..นอมถูกกรีดกระเป๋าน่ะค่ะนี่ยังไงล่ะคะ”
       ณิชมนโชว์กระเป๋าสะพายให้ดูเป็นหลักฐานว่ามีรอยกรีดกระเป๋าซึ่งถูกแปะด้วยเทปใสอยู่จริงๆ
       “มันขโมยกระเป๋าตังค์นอมไปค่ะ ทั้งเงินทั้งบัตรประชาชนบัตรอะไรต่อมิอะไรอยู่ในนั้นหมดเลยค่ะ”
       “เฮ้อ ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนี่ ถึงเธอจะเป็นคนของอาจารย์ดาวเรืองฉันก็ยังวางใจไม่ได้”
       พรพรรณเหลือบไปเห็นซองเงินกับกระดาษโน้ตของณิชมนจึงหยิบซองเงินมาดู
       “เออ..เงินที่คุณนมลให้นอมไปจ่ายตลาดค่ะ นอมหยิบไปพันนึงนะคะ กะว่าจะไปเซอร์เวย์ เอ๊ย ไปดูตลาดก่อน พอให้รู้จักที่ทางแล้วค่อยไปใหม่วันหลัง” ณิชมนบอกพรพรรณ
       พรพรรณรู้สึกดีกับณิชมนขึ้นมาหน่อยที่ไม่ได้เอาเงินไปทั้งหมด
       “แล้วนี่อะไร”
       พรพรรณเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมา ณิชมนตกใจตาเหลือก
       “ลายมือไก่เขี่ยอย่างนี้ ลายมือใครเนี่ย”
       พรพรรณพยายามอ่านกระดาษโน้ตแต่มองไม่ชัด จึงหันไปหยิบแว่นสายตายาวมาใส่ แล้วเริ่มอ่านใหม่
       “ขอ..ยืม..เงิน..”
       พันธ์นฤสรร์ เข้ามาฉกกระดาษโน้ตจากมือพรพรรณไปอย่างรวดเร็ว
       “พันสร ! ทำไมทำอย่างนี้ล่ะ เสียมารยาทจริงๆ “
       “ขอผมเอาไปพับจรวดนะ”
       พันธ์นฤสรร์ วิ่งปรู๊ดออกไป
       “เด็กคนนี้มันน่าตีจริงๆ เลย”
       พรพรรณหันไปมองณิชมนอย่างยอมจำนน
       “ฉันจะบอกให้นะ การเป็นแม่บ้านของบ้านสรณาลัยไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันจะดูซิว่า เธอจะทำงานที่นี่ไปได้ซักกี่น้ำ”
       “คุณยอมรับนอมเป็นแม่บ้านแล้วใช่มั้ยคะ”
       พรพรรณพยักหน้าให้อย่างเสียไม่ได้
       + + + + + + + + + + + +
       
       ภายในห้องครัวของบ้านสรณาลัย รำไพ กันยา สายใจและดำเกิงยืนเรียงแถวรออยู่ พรพรรณพาณิชมนเดินเข้ามา
       “นี่ประนอม แม่บ้านคนใหม่”พรพรรณแนะนำ
       ทุกคนในแถวจับตามองณิชมนอย่างสนใจ
       “แล้วนี่รำไพเป็นแม่ครัวของบ้านนี้ ส่วนกันยากับสายใจมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดบ้านรวมทั้งซักรีดเสื้อผ้า แล้วก็ดำเกิง คนขับรถ เธอคงจะรู้จักแล้ว”
       ณิชมนยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม ทุกคนยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน
       “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ มีอะไรก็ช่วยแนะนำด้วยค่ะ”
       “หน้าที่หลักของเธอก็คือ ควบคุมดูแลการทำงานของทุกคน อย่าให้มีอะไรขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด”
       ชัยวัฒน์เดินเข้ามาแล้วรี่เข้าไปหาณิชมนทันที
       “คุณคงเป็นแม่บ้านคนใหม่ใช่มั้ยครับ ผมชัยวัฒน์ครับ ผมเป็นครูของคุณพันสร ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยล่ะก็ บอกได้เลยนะครับ”
       “ทำงานของตัวเองให้ดีซะก่อน แล้วค่อยคิดช่วยงานคนอื่น ไป ประนอมเดี๋ยวฉันจะแจกแจงรายละเอียดให้ว่า นอกเหนือจากงานหลักแล้ว เธอยังต้องทำอะไรอีกบ้าง”
       พรพรรณเดินออกไป ณิชมนรีบเดินตาม ชัยวัฒน์มองตามแล้วผิวปากวี๊ดวิ๊ว
       “คนนี้ใช่เลย ตรงสเป๊คจริงๆ”
       ชัยวัฒน์รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที
       + + + + + + + + + + + +
       
       ณิชมนเดินก้มหน้าก้มตาอ่านสมุดบันทึกในมือ
       “เราต้องทำอะไรบ้างเนี่ย..”คิดรายการอาหารสามมื้อให้แม่ครัว ควบคุมดูแลการทำความสะอาดบ้าน ตรวจตราข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านเมื่อมีอะไรชำรุดเสียหายต้องส่งซ่อมทันที” เดี๋ยวนะ ตกลงเราต้องเป็นแม่บ้านที่นี่จริงๆ เหรอ”
       ณิชมนหย่อนก้นนั่งแปะลงข้างทาง
       “ไม่ทำงานที่นี่แล้วจะไปไหนได้ล่ะ เงินก็ไม่มีซักบาท”
       จรวดกระดาษร่อนมาตกที่พื้นใกล้ตัว ณิชมนก้มลงมองเห็นชื่อ ณิชมน ชุติมันต์อยู่บนจรวดกระดาษ ณิชมนรีบหยิบขึ้นมาทันที โพันธ์นฤสรร์โฉบมาฉกจรวดกระดาษจากมือณิชมนไป
       “คุณพันสร คืนให้นอมเถอะนะคะ”
       พันธ์นฤสรร์เหล่มอง เมื่อเห็นณิชมนร้อนรนยิ่งอยากแกล้ง พันธ์นฤสรร์คลี่กระดาษออกมาทำเหมือนอ่านได้
       “อย่าอ่านค่ะ อย่า ขอคืนเถอะนะคะ”
       “คืนง่ายๆ ได้ไง มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
       “นอมไม่มีอะไรจะแลกหรอกค่ะ เอาอย่างนี้คุณพันสรจะให้นอมทำอะไร นอมทำได้ทั้งนั้น”
       “พาฉันออกไปขี่ม้าที่ไร่ แล้วจะคืนให้”
       “นอมจะพาไปได้ยังไงคะ ไร่อยู่ที่ไหน นอมก็ไม่รู้จัก แล้วคุณพรคงไม่อนุญาตแน่ๆ ให้นอมทำอย่างอื่นให้ดีกว่านะคะ”
       “ตกลงจะไม่พาไปใช่มั้ย”
       พันธ์นฤสรร์ จ้องกระดาษในมือแล้วพยายามอ่าน
       “ขะ..ขอ..”
       “ที่แท้ก็ยังอ่านหนังสือไม่ออก” ณิชมนขำ
       “ถึงฉันจะอ่านไม่ออก ฉันให้คนอื่นอ่านให้ก็ได้ เอาไปให้น้าพรอ่านดีกว่า”
       “อย่านะคะ !! “
       ณิชมนรีบแย่งกระดาษจากพันธ์นฤสรร์ แล้วยัดใส่ปากกลืนเข้าไปอย่างยากเย็น
       “แค่ล้อเล่น จริงจังไปได้ ใครจะไปสนเรื่องของเธอ”
       พันธ์นฤสรร์ เดินจากไป ณิชมนมองตาม เธอตบอกป๊าบๆ เพราะกระดาษยังจุกอกอยู่
       + + + + + + + + + + + +
       
       ณ ไร่บุริศราวัณ บุรธัชเดินเข้ามาในแปลงทดลอง มีสีหน้าเครียดที่ไม่เห็นรวิภาส ทันใดนั้นเองรวิภาสโผล่ขึ้นมาจากการนั่งยองๆ อยู่ที่กลางแปลงทดลอง บุรธัชยิ้มพอใจที่เห็นรวิภาส จับตามองรวิภาสที่จดบันทึกอย่างตั้งใจ รวิภาสหันมามองบุรธัช
       “นึกว่าจะเบี้ยวงานซะแล้ว”
       “ก็กะว่าจะเบี้ยวอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้สิ้นเดือน ค่าแรงออกพอดี”
       “นี่ถ้าแกไม่ได้เงิน แกคงไม่คิดจะมาช่วยงานที่ไร่เลยใช่มั้ย”
       “ทำงานถ้าไม่ได้ผลตอบแทน จะทำไปทำไมล่ะครับ ช่วงนี้ผมมีเรื่องต้องใช้เงินเยอะซะด้วย ขอเบิกค่าแรงล่วงหน้าซักสองเดือนได้มั้ยครับ”
       “ไม่ได้ ! เดือนนี้แกโดดงานไปกี่ครั้งแล้ว เมื่อไหร่แกจะรู้จักรับผิดชอบซักทีถ้าหากแกไม่เรียนต่อล่ะก็ จบมหาวิทยาลัยแล้วก็มาทำงานที่ไร่นี่ก็แล้วกัน”
       “ผมไม่ทำ ถ้าพี่ธัชทำคนเดียวไม่ไหว ก็ขายไร่บุริศราวัณไปซิครับ ถ้าหากท่านพ่อไม่ตาย พี่ธัชก็ไม่คงไม่กลับเมืองไทยใช่มั้ยล่ะ แล้วจะมาสนใจอะไรกับไร่บ้าๆ นี่ทำไม”
       “ฉันไม่มีวันขายไร่บุริศราวัณแน่ ฉันจะสร้างอาณาจักรบุริศราวัณให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำ แล้วแกก็มีหน้าที่ที่จะต้องช่วยฉัน”
       “พี่ธัชทำอย่างนี้เพื่ออะไร เพื่อที่จะเอาชนะพวกสรณาลัยงั้นเหรอครับ”
       “ฉันไม่ใช่แค่ต้องการเอาชนะ ฉันจะทำให้พวกสรณาลัยล่มจมเหมือนกับที่พวกมันเคยทำกับเรา แกก็รู้ว่า เราเคยสูญเสียทุกอย่างเพราะใคร ถ้าแกยังมีจิตสำนึกหลงเหลืออยู่บ้าง แกคงรู้ว่าหน้าที่ของแกต้องทำอะไร”
       บุรธัชเดินออกไปสวนทางกับณิชาภัทรที่เดินเข้ามา
       “ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”
       “พี่ณิชาครับ ท่านพ่อตายเพราะพวกสรณาลัยจริงๆ เหรอครับ”
       รวิภาสมองณิชาภัทรเหมือนรอคำตอบ
       
       อ่านต่อหน้าที่ 2